11 มกราคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษก ร่วมแถลงเรื่องราคาหมูแพง โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่หลวงของประเทศชาติ เป็นเรื่องหมูที่ไม่ใช่หมู เพราะสามารถล้มรัฐบาลได้ เนื่องจากรัฐบาลปล่อยปละละเลยจนทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นโรคระบาดสัตว์ นับว่าเป็นเรื่องแปลก เมื่อรัฐบาลพบกับโรคระบาด จะบริหารราชการผิดพลาดและล้มเหลว ทั้งที่มีประกาศโรคอหิวาต์ในหมูให้เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ เม.ย.2562 แต่กลับปกปิดและไม่ให้ความใส่ใจ ขณะที่พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นญัตติเข้าสู่สภาฯ แต่ก็มีการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ทำให้ต้องงดประชุมสภาฯ กระทั่งเกิดเหตุราคาหมูแพง
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อ มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการปกปิดข้อมูล เมื่อถามว่า ทำไมถึงต้องปกปิด เป็นเพราะต้องชดเชยเยียวยาให้เกษตรกร แต่ไม่มีเงินเยียวยาใช่หรือไม่ หรือปกปิดเพราะต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงหมูหรือไม่ เพื่อให้กิจการการเลี้ยงหมูเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้นใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น จะต้องมีผู้รับผิดชอบ
"ท่านนายกรัฐมนตรีไปอยู่ไหน ถึงไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่หมูนี่แหละครับ จะเอานายกรัฐมนตรีออก ไม่ต้องรอ 8 ปี พี่น้องประชาชนจะเดือดร้อนจนทนไม่ไหว และรัฐมนตรีเกษตรฯไปอยู่ไหน ปล่อยให้กรมปศุสัตว์ออกมา คุณต้องการอะไร ต้องการช่วยเหลือใคร ถ้าคุณปกป้องผลประโยชน์เพื่อพวกพ้อง พี่น้องประชาชนจะว่าอย่างไร" นพ.ชลน่าน กล่าวและว่า
ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาฯทันทีที่เปิด และพรรคร่วมรัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยด่วน จากนั้น จะตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย
เพราะต้องการคำตอบจากรัฐมนตรีว่าทำอะไร ไม่ทำอะไร ไปดักดานอยู่ที่ไหน ใครเอาเท้าเหยียบปากคุณไว้ ถึงไม่พูดอะไร โดยจะนำเรื่องเข้าสู่สภาฯเป็นญัตติด่วนด้วยวาจาในวันที่ 20 ม.ค.นี้ และจะอยู่ในญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 ที่จะยื่นภายในสิ้นเดือนนี้อย่างแน่นอน และหากไม่มีความรับผิดชอบ ก็จะอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน
ตามมาด้วยการยื่น ป.ป.ช. เพราะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทำความเสียหายกับบ้านเมือง เราไม่เอาไว้แน่นอน ส่วนข้าราชการก็ว่ากันไปตามความผิด ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ จึงเรียกร้องผู้นำประเทศให้แก้ปัญหา เราทุกข์ร้อนจริงๆกับรัฐบาลที่ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีความรับผิดชอบ ไร้ภูมิปัญญา ไม่งั้นเราจะตายกันหมด
ด้านนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า มีการเบิกจ่ายเงินไปแก้ปัญหาโรคอหิวาต์ในหมูจริง โดยมีหลักฐานการเบิกจ่ายไปยังกระทรวงการคลัง แต่รัฐบาลกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่มีโรคระบาดในหมู จึงเป็นเรื่องน่าละอาย ถึงเวลาแล้วที่กรมปศุสัตว์ต้องปฏิรูปทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูต้องปรับโครงสร้างทั้งหมด เพราะการปกปิดทำให้เชื้อระบาดไปทั่ว เกษตรกรซื้อวัคซีนไปฉีด แต่สุดท้ายหมูก็ตายหมดคอก หมดเนื้อหมดตัว หลายคนจะฆ่าตัวตายเพราะความเดือดร้อน ซึ่งฝ่ายการเมืองต้องใส่ใจมากกว่านี้ ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯต้องยอมรับความผิดพลาดและขอโทษประชาชน
"โกหกไปถึงต่างประเทศ ใครจะเชื่อถือ ถ้าเป็นผม ผมลาออก ผมละอาย" นายวิสุทธิ์ กล่าว
ด้านนางสาวธีรรัตน์ ย้ำว่า รัฐบาลผิดพลาดตรงที่การปกปิดข้อมูลว่า ไม่มีโรคระบาดในหมู และไม่รับฟังข้อเสนอการแก้ปัญหา จึงตั้งข้อสงสัยว่า ความผิดพลาดของรัฐบาลนั้น เป็นความผิดพลาดจริงหรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ แต่ความผิดพลาดดังกล่าว กลับเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบ Video Conference ที่ประชุมได้อนุมัติงบกลาง 570 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ในการแก้ปัญหาและเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากการเกิดโรคระบาด