วันนี้ (8 ม.ค.) นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ม.ค. นี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน จะเป็นประธานการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณามาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่จะหมดมาตรการตรึงราคาถัง 15 กก. 318 บาท สิ้นเดือนนี้ โดยต้องรอดูว่า กบง. จะมีนโยบายอย่างไร โดยราคาแอลพีจีในตลาดโลกที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล ติดลบสูงกว่า 23,178 ล้านบาท เบื้องต้นหากต้องมีการปรับขึ้นราคา ก็จะทยอยปรับเป็นขั้นบันได เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนมากเกินไป
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ก็มีความผันผวนในระดับสูง แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโอมิครอนก็ตาม กระทรวงพลังงานกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงจนกระทบประชาชนมากเกินไป ส่วนการดูแลราคาน้ำมันดีเซลยังคงเป็นไปตามนโยบายตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ที่ให้ดูแลเพดานไม่เกินลิตรละ 30 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้มีรายงานว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้เข้าไปอุดหนุนราคาแอลพีจี ตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 จนถึงปัจจุบันสถานะเงินกองทุนในส่วนของบัญชีแอลพีจีติดลบ 23,178 ล้านบาท แต่หากรวมกับเงินจากบัญชีน้ำมันที่มี 17,233 ล้านบาท สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิจะติดลบ 5,945 ล้านบาท และหากรัฐไม่มีมาตรการใดๆ เข้ามาอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มที่แท้จริงจะปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 440 บาทต่อถัง 15 กก. แล้ว