พลังงานปล่อยก๊าซหุงต้มขึ้น ก.พ.

ปลัดกระทรวงพลังงาน กุลิศ  สมบัติศิริ ระบุ ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้กำชับกระทรวงพลังงานให้ดูแลทิศทางราคาพลังงานขาขึ้น โดยขอให้กระทรวงพลังงานบริหารจัดการค่าไฟฟ้าที่กระทบกับประชาชน หรือต้นทุนต่างๆ รวมทั้งดูแลไม่ให้มีการขาดแคลนพลังงาน

ทั้งนี้ ในส่วนของราคาน้ำมันดิบปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับราคา 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนโยบายรัฐบาลยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้เหมือนเดิมที่ระดับราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ซึ่งจะมีการบริหารจัดการด้วยเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดู แต่ในส่วนของก๊าซแอลพีจี หรือก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ที่มีการตรึงราคาขนาดถัง 15 กก. ในราคา 318 บาท/ถัง ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2565 ถึงเวลาที่จะต้องขยับราคาขึ้น โดยในเดือนก.พ. จะมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มในรูปแบบทยอยขึ้นเป็นขั้นบันได้ ซึ่งจะขึ้นเท่าไหร่อยู่ระหว่างการเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)

“ส่วนที่ครม.อนุมัติให้กู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท มาใช้ในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อดูแลราคาน้ำมันก็จะเพียงพอ หากไม่พอก็จะกู้ได้อีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ต้องมาบริหารจัดการเงินขาดช่วงไหน ที่กู้มาเพิ่ม แต่ในส่วนแแอลพีจีจะมีการอุดหนุนลงลง”

ในส่วนของการดูแลค่าไฟฟ้า ที่ปัจจุบันราคาน้ำมันผันผวน และราคาแอลเอ็นจีสูงขึ้น อีกทั้งในช่วงเดือนเม.ย. จะมีการเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานแหล่งก๊าซเอราวัณ เพื่อให้เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ให้มีการผลิตไฟฟ้าไม่เป็นภาระประชาชน และไม่ขาดแคลนด้านพลังงาน กพช.อนุมัติจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม ตามความสามารถเป็นแหล่งก๊าซอ่าวไทย และแหล่งก๊าซพัฒนาร่วมไทยและมาเลเซีย

นอกจากนี้ ยังให้จัดสรรเงิน 1.36 หมื่นล้านบาทที่ได้จากการจัดสรรบัญชี Take or pay ซึ่งเป็นกำไรจากการซื้อก๊าซในเมียนมา มาใช้ดูแลค่าไฟฟ้าในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ โดยให้กฟผ.นำไปใช้ลดค่าเอฟทีเอให้ประชาชน