
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ประจำวันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ประเทศไทยพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายใหม่ 7,526 รายแบ่งเป็นติดเชื้อภายในประเทศ 7,139 รายติดเชื้อจากต่างประเทศ 348 รายและติดเชื้อจากเรือนจำหรือสถานที่ต้องขัง 39 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,252,776 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 2,895 รายรวมยอดรักษาหายสะสม 2,188,397 ราย รักษาตัวอยู่ 42,580 รายแบ่งเป็นรักษาตัวในโรงพยาบาล 23,214 รายและโรงพยาบาลสนามและสถานที่อื่นๆ 19,366 ราย อาการหนัก 547 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 140 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 คนรวมเสียชีวิตสะสม 21,799 คน
ด้านรายงานการฉีดวัคซีนสะสม 105,419,287 โดส วัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 51,408,711 ราย วัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 46,526,520 ราย และวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 7,483 056 ราย
สำหรับแผนการฉีดวัคซีน นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคติดต่อได้เสนอแผน การบริหารจัดการวัคซีนโดยตั้งสามเป้าหมาย คือ
สำหรับแนวทางการฉีดวัคซีน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นบุคคลกลุ่มแรกที่จะได้รับการกระตุ้นเข็มที่ 4
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ประสงค์จะฉีดครึ่งโรดหรือฉีดใต้ผิวหนัง สามารถทำได้ตามดุลยพินิจของแพทย์พร้อมเน้นย้ำว่าการรับวัคซีนของประชาชนทุกคนต้องเปลี่ยนไปตามความสมัครใจ โดยเดือนมกราคมปี 2565 ตั้งเป้าไว้จะฉีดให้ได้ที่ 9.3 ล้านโดส รวมเข็ม 1,2,3และ 4
ขณะเดียวกันได้มีการเตรียมยาต้านไวรัส "แพกซ์โลวิด" ( Paxlovid) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กับผู้ที่มีอาการไม่มาก หรือเอาไปใช้รักษาสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการรุนแรง ซึ่งได้ขออนุมัติไว้ จาก ศบค. 50,000ชุด และได้รับการอนุมัติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ให้ใช้เงินกู้ ซื้อยาในส่วนนี้และยังคงใช้ยาฟาวิพิราเวียเป็นตัวหลัก