รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ระบุ คาดการณ์ว่าการส่งออกปี 2565 นี้ขยายตัว 3 – 4 % มูลค่า 280,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปี 64 ประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยได้พิจารณาจาก เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญย้อนหลังไป 5 ปี อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบดูไบ ราคาสินค้าเกษตร ราคาวัตถุดิบโลก สถานการณ์โควิด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านการขนส่งโลจิสติกส์ เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือ รวมทั้งการประเมินโดยทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทั้งนี้ คงต้องจับตาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอย การขาดแคลนแรงาน การขาดแคลนวัตถุดิบ เซมิคอนดักเตอร์ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณสุขของประเทคู่ค้า
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้การส่งออกไทยขยายตัวได้ 3-4 % ได้แก่ 1. การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี( OECD )คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวบวก 4.5% 2. การนำเข้าของประเทศคู่ค้า ในปีหน้าคาดว่ายังขยายตัวดี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น หรือสภาพยุโรป ซึ่งก็จะช่วยเสริมในการส่งออก นำเข้ามากโอกาสเราส่งออกไปก็จะมากขึ้นด้วย 3. ปัจจัยค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าปีหน้าก็ยังจะเอื้อต่อการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 32 ถึง 33 บาทต่อดอลล่าร์
4. การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกที่มากขึ้น 5. การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (e-Digital) จะช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าด้าน IT ของไทย 6. แผนจัดการแก้ปัญหาโควิดที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาพรวมของโลก 7. ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 15 ประเทศที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป
สำหรับการส่งออกปี 2564 คาดการณ์ขยายตัว 16% และสามารถส่งออกนำเงินเข้าประเทศได้ 8,585,600 ล้านบาท สินค้าหมวดสำคัญๆ ที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับสูง ประกอบด้วย สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม