เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ต้องบอบช้ำจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก แม้ว่าจะเริ่มมีการทยอยเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบที่รุนแรงและหนักหน่วงในทุกภาคส่วนมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการ ส่งผลให้บรรดาสำนักเศรษฐกิจต่างฟันธงว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะเติบโตประมาณ 0.5-1.5%
เริ่มตั้งแต่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินเศรษฐกิจปี 2564 เติบโต 1.2% สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินตัวเลขเติบโต 1%
ขณะที่ฟากฝั่งเอกชนอย่าง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโต 0.5-1.5%
ด้านศูนย์วิจัยต่างๆ เช่น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโต 1%
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นกลับมาขยายตัวมากกว่าปี 2564 จากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายของทุกประเทศ แต่ยังต้องเฝ้าระวังการระบาดที่อาจจะกลับมารุนแรงอีกครั้งจากเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ หรือ โอมิครอน ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สนั่น อังอุบลกุล ระบุ กกร.คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0-4.5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกปีหน้าน่าจะเติบโตที่ 4-5%
“ส่วนการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน กลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 2565"
"นอกเหนือจากความท้าทายที่มีอยู่เดิม ดังนั้นจำเป็นต้องจับตาปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความรวดเร็วของการแพร่อย่างใกล้ชิด แต่ไม่อยากให้ทุกฝ่ายตื่นตระหนกเกินไป”
ด้าน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ระบุ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้แบ่งสมมุติฐานออกเป็น 2 กรณีของการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน ที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ได้แก่
กรณีดี แม้ไวรัสจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่หากความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา และวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันสามารถลดหรือจำกัดระดับความรุนแรงของอาการป่วยได้ ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์ เศรษฐกิจทั้งปี 2565 น่าจะสามารถฟื้นตัวได้ที่ 3.7% โดยเศรษฐกิจไทยยังจะได้รับแรงหนุนจากการส่งออก การฟื้นตัวของการใช้จ่ายครัวเรือน รวมถึงการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
กรณีแย่ คือ สายพันธุ์โอมิครอน มีความรุนแรงเทียบเท่ากับสายพันธุ์เดลตา และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อความจำเป็นต้องมีการนำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศมาใช้ เช่น ปิดประเทศ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศตามระดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.8% แต่ภายใต้สมมุติฐานในกรณีแย่ สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมยังดีกว่าช่วงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่เริ่มในช่วงเดือนเม.ย. 2564
เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะมีแนวโน้มฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่พร้อมปะทุได้ทุกเวลา