เว็บไซต์ข่าวอิรวดี รายงานว่า อ่อง มโย มิน รัฐมนตรีกิจการสิทธิมนุษยชนในรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ รัฐบาลเงา และแหล่งข่าวคนอื่นๆ ระบุว่า จนถึงวันที่ 22 ธ.ค. รัฐบาลทหารเมียนมาใช้การโจมตีทางอากาศทั้งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินขับไล่ในการโจมตีทั้งต่อพลเรือน, กองกำลังปกป้องประชาชน และกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างไม่เลือกหน้าในเกือบ 20 ตำบลในภูมิภาคสะกาย, ภูมิภาคมาเกว และภูมิภาคตะนาวศรี และรัฐกะฉิ่น, รัฐชิน, รัฐฉาน และรัฐกะยา
การโจมตีดังกล่าวทำให้พลเรือนและนักรบฝ่ายต่อต้านเสียชีวิตหลายคน และพลเรือนอีกหลายพันคนต้องอพยพหนีออกจากบ้านเรือน รวมทั้งบ้านเรือนหลายพันหลังไหม้เสียหาย
อ่อง มโย มิน โพสเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลทหารกำลังฆาตกรรมประชาชนจากท้องฟ้า และการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายพลเรือนเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้กฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
และการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือนยังเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้อนุสัญญาเจนีวา ปี 2520 ที่รัฐบาลทหารพม่าในขณะนั้นให้สัตยาบันรับรองในปี 2535 นอกจากนี้การทิ้งระเบิดทางอากาศต่อพลเรือน ทำลายหรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของเอกชน หรือ ทำให้คนที่ไม่ใช่นักรบบาดเจ็บ เป็นสิ่งต้องห้ามในกฎการสงครามทางอากาศของกรุงเฮกปี 2466
อ่อง มโย มิน ระบุด้วยว่า นอกจากการโจมตีทางอากาศแล้ว กองทัพยังจงใจขับไล่พลเรือนออกจากบ้านเรือนด้วยการทำลายหมู่บ้านและอาหาร โดยเปิดฉากยิงใส่บ้านเรือนและประชาชนที่วิ่งหนี ทั้งที่ไม่ได้ถูกโจมตีก่อน
นอกจากนี้ยังมีการจับกุม ทรมาน และเข่นฆ่าพลเรือน ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ยิงถล่มย่านที่อยู่อาศัย ปล้นสะดม เผาบ้านเรือน และใช้ความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะในภูมิภาคมะเกว และภูมิภาคสะกาย และรัฐชิน รัฐฉาน และรัฐกะยา ที่มีการเคลื่อนไหวของกองกำลังปกป้องประชาชนมากที่สุด
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.สภาที่ปรึกษาพิเศษกรณีเมียนมา ซึ่งเป็นกลุ่มอดีตผู้สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาควรถูกจัดอยู่ในรายชื่อองค์กรการก่อการร้ายเนื่องจากก่อความรุนแรงในคดีอาญาต่อพลเรือน