Non-Fungible Token (NFT) กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มศิลปินและนักสะสม ไม่ว่าจะเป็นวงการศิลปะ ดนตรี เกม แฟชั่น ฯลฯ หลายหน่วยงานต่างโดดเข้ามาร่วมวง NFT จนมีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล
ล่าสุด GMM Grammy ไม่ขอตกขบวนท่ามกลางกระแส NFT สุดคึกคักทั่วโลก ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การลงทุนในตลาด Music NFT
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "การร่วมมือกันในครั้งนี้ นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนตลาด MUSIC NFT ให้ใหญ่และประสบความสำเร็จแล้ว ยังต้องการที่จะผลักดันมาตรฐาน Music NFT ของไทยให้ไปสู่กลุ่มแฟนคลับและ Collector ทั่วโลก ที่เป็นกลุ่มแฟนพันธุ์แท้และเป็นนักสะสมตัวจริงที่ชื่นชอบสะสมผลงานและสินค้าต่างๆ ของศิลปิน เพื่อให้แฟนเพลงสามารถเข้าถึง ครอบครอง ลงทุน ในคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆ ของ GMM Grammy"
วางกลยุทธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ “ZIPMEX” เป็นหนึ่งแพลตฟอร์มที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และสามารถเข้าถึงผู้บริโภค แฟนคลับและนักสะสมระดับโลก ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งโลกอนาคตที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเป็นแม่น้ำสายใหม่ของธุรกิจในระยะยาว
GMM Grammy วางสินค้าในแพลตฟอร์มของ “ZIPMEX” แบ่งออกเป็น 4 Tiers โดยเป็นกลุ่มสินค้าที่มี Innovation และมีความ Exclusive
1. Special Collection - สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในโลกของ MUSIC NFT ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเน้นความ Mass เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง
2. Rare Collection - กลุ่มนี้จะเป็นสินค้าที่มีจำกัดและเป็น Unseen Item โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Limited Item และ Limited Movement
3. Epic Collection - กลุ่มสินค้าที่ไม่มีการผลิตซ้ำ เป็น Moment พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำที่มีคุณค่า ให้แฟนๆ ได้เข้าถึงและสามารถครอบครองได้
4. Legendary Collection - เป็นสินค้าและผลงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศที่มีเรื่องราวความเป็นมา มีความหายาก บางชิ้นนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง ZIPMEX กล่าวว่า แพลตฟอร์ม NFT พร้อมจะให้บริการภายในไตรมาสแรกของปี 2022
"เชื่อว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเพลงด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFT และ Metaverse ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง"
โดยจะเปิดโอกาสให้ศิลปินสามารถขยายตลาดกลุ่มแฟนคลับได้ในหลายประเทศทั่วโลกตรงกับความตั้งใจของบริษัทที่ต้องการจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชน และผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานทั่วไป
รวมถึงเปิดประสบการณ์ให้นักลงทุนในคริปโทฯ และกลุ่มแฟนพันธุ์แท้หรือนักสะสมสามารถเข้าถึงศิลปินที่ตนชื่นชอบอย่างไม่เคยมีมาก่อน
"นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นประเทศแนวหน้าในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ที่ให้การสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นโอกาสสำคัญของศิลปิน และเจ้าของผลงานของไทยที่จะต่อยอดการพัฒนางานให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง”ดร.เอกลาภ กล่าว