svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

18 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เดือดปุดๆ หลังการเปิดตัวของ “ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ทำให้ผู้ท้าชิงที่เปิดตัวไปก่อนหน้าแล้วต้องเร่งปรับตัว

ว่าที่ผู้สมัครที่เราเลือกมาวิเคราะห์ คือคนที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น ซึ่งก็มี 3 ท่าน คือ รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ และ คุณรสนา โตสิตระกูล

 

รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า อาจารย์ ชัชชาติ เป็นวิศวกร จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ ทั้งยังเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักบริหารที่ติดดิน เป็นนักการเมืองที่ชัดเจน มีอุดมการณ์ ถือได้ว่ามีภาพชัดที่คนรับรู้ หรือที่เรียกกันว่า "บุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" เป็นภาพลักษณ์ หรือแบรนด์ที่ติดตัวอยู่ตั้งแต่ก่อนลงสมัครผู้ว่าฯกทม.

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

ต่างจาก ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ที่เป็นนักวิศวกรรมโยธา เป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตำแหน่งในขณะที่ยังอายุน้อย แต่สร้างตัวเองจนกลายเป็นภาพจำ ถือเป็นผู้ที่มีความอัจฉริยะ

 

ส่วน คุณรสนา แม้ว่าจะเป็นหญิงที่อายุมากหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นหญิงแกร่งที่ต่อสู้ในทุกรูปแบบ มีภาพจำเป็นนักต่อสู้ เป็นอิสระที่แท้จริง ไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง

สำหรับการเปิดตัวของ ดร.เอ้ อาจารย์นันทนา มองว่า เหมือนเป็นการเปิดตัว "สินค้า" มีกราฟิกที่ทันสมัย เปิดตัวใจกลางเมืองอย่างสามย่านมิตรทาวน์ โดยทำแบบตะวันตก คือพาครอบครัวมาร่วมเปิดตัวด้วย วิธีการพรีเซนต์บนเวทีคล้ายกันกับ สตีฟ จอบส์ ที่มีบุคลิกลักษณะใส่เสื้อเชิ้ต มีเหตุผล จึงโดนใจคนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็นการสื่อสารที่ดีมาก สมบูรณ์และน่าประทับใจ

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

แต่หากพูดถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ของผู้ลงสมัครแต่ละคน คุณชัชชาติก็ถือได้ว่ามีภาษีมากที่สุด เพราะเคยผ่านงานการบริหารประเทศระดับชาติ ซึ่งเคยนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ของกระทรวงคมนาคม จึงถือว่ามีประสบการณ์ หากเป็นสเกลกรุงเทพมหานครก็ถือได้ว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

 

ส่วน ดร.เอ้ จุดแข็งที่มีคือเป็นนักวิศวกรรมโครงสร้างที่ประสบความสำเร็จ เป็นถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง และยังเป็นนักการเมืองที่สื่อสารได้ดี แต่หากพูดถึงจุดอ่อนที่คนรับรู้และกลายเป็นภาพจำไปแล้ว คือการประกาศตัวว่าเป็นทายาท เรียนกับสายตรงของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งความผิดพลาดนี้ยากจะลืม

 

อาจารย์นันทนา ยังบอกว่า อีกจุดอ่อนหนึ่งของ ดร.เอ้ คือการสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้มีฐานคะแนนเสียงแข็งแกร่งในกรุงเทพฯเหมือนในอดีต และอาจทำให้กลุ่มคนที่ไม่นิยมพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกตะขิดตะขวงใจในการที่จะเลือก

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

ส่วนคุณรสนาถือได้ว่ามีจุดแข็งคือความเป็นหญิงแกร่ง ที่มีผลงานการตรวจสอบและต่อสู้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศ ในขณะที่จุดอ่อนคือคุณรสนาไม่เคยผ่านการบริหารงานองค์กรขนาดใหญ่มาก่อน จึงอาจทำให้ยังไม่มีประสบการณ์

ทางด้านมุมมองของ ศาสตราจารย์วุฒิคุณ ดร.ชยุต ภวภานันท์กุล นักวิชาการด้านนวัตกรรม การสื่อสาร การเมือง  การตลาด และแบรนด์ จากมหาวิทยาลัยมูฮัมมาดิยะห์ มาคัสซาร์ และซินจ่าย อินโดนีเซีย บอกว่า นักการเมืองแต่ละคนถือเป็น "ไก่รองบ่อน" ตามทฤษฎีอันเดอร์ด๊อก (Underdog) ที่ทุกคนมีภาษีไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือไม่มีจุดเด่นเหนือกว่ากันมากนัก อย่างคุณชัชชาติก็มีแบรนด์เป็นนักธุรกิจที่ชาวบ้านมีความเชื่อมั่น แต่ก็มีการแซวกันว่าเป็นร่างทรงของนักการเมืองบางคนหรือไม่

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

ส่วนอีก 2 คนก็ถือว่ามีภาษีมากกว่านิดหน่อย อย่างคุณรสนา ที่เป็นนักต่อสู้ทางการเมือง และเอ็นจีโอ ที่เคยเป็น ส.ว. (สมาชิกวุฒิสภา) แต่ชาวบ้านอาจมองว่าไม่เหมาะกับงานบริหารกรุงเทพมหานครที่ต้องมีบุคลิกภาพที่กระชับ ฉับไว ทันสมัย ซึ่งคุณรสนาก็อาจจะต้องยอมสละอะไรบางอย่าง เพื่อเข้ามาอยู่ในการเมืองสนามนี้

 

ในขณะที่ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่สร้างมูลค่ามากที่สุด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มีลุคความเป็นนักวิชาการที่ประสบความสำเร็จ มีความคิดความอ่าน แต่มาพลาดหรืออ่อนพรรษาในเรื่องของการประกาศตัวว่าเป็นคนอัจฉริยะ หรือได้เรียนกับหลานอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หากลองย้อนไปดูในยุคของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน การเข้าสู่ในเกมการเมืองก็คล้ายกันด้วย

เจาะ 3 แบรนด์ปั่นคะแนนนิยม “3 ผู้ท้าชิง” ผู้ว่าฯกทม.

ส่วนการเปิดตัวของ ดร.อ้ อาจารย์ชยุต มองว่าเป็นการสร้างมูลค่าเกินการรับรู้ของคน ที่แสดงออกถึงความเป็นนักวิชาการอัจฉริยะ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการบริหารกรุงเทพมหานคร แต่หากเป็นการเปิดตัวของคุณชัชชาติ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวแบบสุภาพบุรุษ นักธุรกิจ นักบริหาร

 

อาจารย์ชยุต แนะนำว่า นอกเหนือจากการสร้าง Personal Brand และการวางท่าทีของแต่ละคนแล้ว อยากให้มุ่งเน้นไปที่นโยบายการแก้ปัญหากรุงเทพมหานคร โดยไม่ยึดหลักแค่การแต่งตัวหล่อ มีมาดเป็นนักวิชาการ นักธุรกิจ และนักอนุรักษ์ แต่ทำอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและรถติดแบบอมตะ รวมถึงการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งผู้สมัครแต่ละคนก็ควรจะเน้นการลงพื้นที่ติดดิน ให้ความสำคัญกับคนชายขอบของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯดีขึ้น โดยมีหลักการร่วมกันคือการทำให้กรุงเทพ “รุ่งเรืองร่วมกัน”

logoline