svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ ตอบรับกระแสสังคม ทบทวนลดโทษคดีจำนำข้าว พร้อมจ่อปรับพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

14 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯ ตอบรับกระแสสังคม ทบทวนลดโทษคดีจำนำข้าว ระบุ หลายวันที่ไม่พูด เพราะศึกษารายละเอียดรายเรื่อง รวมถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สมศักดิ์ รับลูก พร้อมขอบคุณ นายกฯ ชี้แนะ ระบุ ถ้าปรับหมด กระทบกลุ่มผู้ชุมนุมจะเอาด้วยหรือไม่

14 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น แถลงการณ์คัดค้านลดโทษผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชั่น เพราะเป็นการสร้างความเสียหายมหาศาลให้เศรษฐกิจประเทศ ว่า วันนี้ต้องเอามาทบทวน หลายวันที่ผ่านมาที่ตนเองไม่ได้พูดเรื่องนี้ เพราะว่าต้องศึกษารายละเอียดหลายอย่าง หลายเรื่อง บางอย่างเป็นเรื่องของกฎระเบียบของกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ที่มีอยู่ตอนนี้

นายกฯ ตอบรับกระแสสังคม ทบทวนลดโทษคดีจำนำข้าว พร้อมจ่อปรับพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

อีกเรื่อง คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับการคัดกรอง กำลังจะทบทวนต้องศึกษาดูว่า มีอะไรที่ไม่เหมาะสม บางทีเรื่องเก่าที่กำหนดไว้ อาจไม่ชัดเจน ความผิด ความเสียหายมากน้อยอย่างไร เราต้องดูตรงนี้ มันคือเรื่องความทุจริต แล้วมันก็เข้าเกณฑ์ เมื่อเสนอไปอย่างนั้น ก็ต้องไปดูว่าเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้มันเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องแก้ใหม่

“การนิรโทษ ปีที่ผ่านมามีสองครั้ง เพราะฉะนั้นต้องดูว่าจะทำอย่างไร เช่น บางกรณีมีความแตกต่าง มีผลเสียที่แตกต่างกัน เราจะทำอย่างไร ต้องไปแก้ไขกฎระเบียบตรงนั้นในเรื่องของ พ.ร.บ.ต้องมีการแก้ไขบ้าง แต่ยืนยันว่าต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งให้เกิดปัญหา เกิดความวุ่นวายขึ้นเลยในตอนนี้ ทุกอย่างมันมีกฏระเบียบทั้งสิ้น ตนก็เอามาศึกษาหลายตัวมีทั้งนักโทษชั้นดี นักโทษชั้นเยี่ยม ลดเท่าไหร่ เท่านั้น เท่านี้ ในหนึ่งปีก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าถ้ามีนิรโทษแล้วจะให้กี่ครั้ง ไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้เลย ก็ต้องมาทบทวนใหม่ทั้งหมด สถานการณ์มันเปลี่ยนแล้วใช่ไหม กฎหมายคือสิ่งสำคัญ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

นายกฯ ตอบรับกระแสสังคม ทบทวนลดโทษคดีจำนำข้าว พร้อมจ่อปรับพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงเรื่องเดียวกันว่า ต้องขอบคุณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชี้แนะให้ทุกฝ่ายทำการบ้านให้มากขึ้น รวมถึงให้ดูความพอดีเหมาะสม ซึ่งจะเป็นแนวทางออกที่ดีที่สุด ของการทำเดินการ ทั้งนี้การลดโทษมีทั้งผู้ที่ได้และไม่ได้ประโยชน์จากพ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยขอเน้นไปที่กลุ่มคดีอาญาไม่ร้ายแรงและกลุ่มคดีอาญาร้ายแรง คือ บุคคลที่ทำผิดต่อหน้าที่ หรือทำผิดต่อเจ้าหน้าที่ คดีข่มขืน คดีฆ่าคน รวมทั้งคดีโครงการทุจริตจำนำข้าว ถึงแม้จะเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมก็จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 ซึ่งมีการดำเนินการเป็นกลุ่มๆ ใน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ฉะนั้นการปรับแก้ในแนวทางต่าง ๆ จะมีผลกระทบต่อคนกลุ่มนั้น เช่น การฆ่า การทุจริต หรือโทษที่กระทำกับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ หากจะแก้ต้องแก้กันหมด

“นายกรัฐมนตรี ได้มีการชี้แนะไปแล้ว ถือเป็นทางออกอย่างดียิ่ง เช่น คนที่ได้รับโทษจากคดีจำนำข้าว ได้รับการลดหย่อนโทษไปหลายครั้ง และก่อนหน้าก็ไม่มีการเตรียมปรับแก้อะไร เพราะไม่มีใครทวงถาม ซึ่งการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ละครั้งเป็นความลับ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รู้อะไรกันมากมาย ดังนั้นถ้าจะปรับแก้ทั้งหมดจะกระทบกับคนหลายกลุ่ม สุดท้ายหากจะมีการแก้ไข ต้องให้ผู้ที่มีความรู้มาช่วยกันคิด เพื่อหาทางออกร่วมกัน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ มีตั้งแต่ปี 2459 มีมาทั้งหมด 52 ครั้ง เป็นเวลา 105 ปี” นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า

 

หลังจากนี้ตนจะทำตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ไปปฏิบัติและขอย้ำว่าหากเราแก้ในคดีอาญาร้ายแรง ภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าปรับทั้งหมดคิดว่าจะกระทบ เช่น กลุ่มเดินขบวน จะเอาด้วยหรือไม่อย่างไร เพราะต้องปรับไปทั้งกลุ่มตามข้อเสนอ

 

เมื่อถามว่า หากมีการปรับแก้เรื่องดังกล่าวนี้ จะกระทบกับผู้ชุมนุมหมายความว่าอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า

การชุมนุมหากมีความผิด ก็เหมือนกับเป็นความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งก็จะได้ลดโทษ 1 ใน 3 เช่นเดียวกัน จะไปเอา 1 ใน 5 ทั้งกลุ่มหรือไม่ หรือจะแยกต่างหากก็ไปว่ากัน ผู้รู้ทางกฎหมายต้องไปศึกษาว่าจะเอาอย่างไร ตนรับได้ทั้งนั้น ไม่อยากจะช่วย คนที่ทุจริตต่อหน้าที่ แต่เดิมมันเป็นไปตามกรอบแนวปฏิบัติอยู่

logoline