4 นักรัฐศาสตร์อ่านนัยการเมือง "3ป.ฟอร์เอฟเวอร์"

หลายคนสงสัยว่า นี่เป็นการสร้างภาพลบรอยขัดแย้ง หรือว่ามีนัยยะทางการเมืองอะไรหรือไม่ เพราะข่าวรอยร้าวของ "3 ป." มีมาตลอดก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลังจากนายกรัฐมนตรีสั่งปลด "2 รัฐมนตรีกล่องดวงใจ" ของ "บิ๊กป้อม" ออกจากคณะรัฐมนตรี

"เนชั่นทีวี" ได้สอบถามความเห็นของนักรัฐศาสตร์ชื่อดังจากหลายๆ มหาวิทยาลัย ว่ามองปรากฏการณ์ "3 ป.ฟอร์เอฟเวอร์" กันอย่างไร

โดย ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า เป็นการแสดงภาพให้ฝ่ายการเมืองที่คอยยุแยง แบ่งแยก หรือทำให้แตกแยก ได้เห็นว่าไม่มีทางประสบความสำเร็จ เพราะวันคืนสู่เหย้า 3 ป. เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความกลมเกลียว โดยเฉพาะคนที่สนับสนุน ก็ให้อยู่เคียงข้างกันต่อไป ซึ่งต้องไม่ลืมว่ายิ่งใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามา กระแสแม่น้ำทุกสายจะพุ่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล อีกทั้ง ความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม จำเป็นต้องพึ่ง พล.อ.ประวิตร รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จึงจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ "ไปต่อได้" ในเส้นทางการเมือง 

ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งมีหน้าที่คุมกระทรวงมหาดไทย กลไกราชการฝ่ายปกครองทั้งหมด จึงต้องเชื่อมเป็นแม่น้ำสายเดียวกัน ทำให้ยิ่งขาดกันไม่ได้ ณ เวลานี้ และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า "3ป." จะไปด้วยกันต่อ ยกเว้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ พ่ายแพ้เลือกตั้ง ก็อาจถึงเวลาต้องลาเวที

ด้าน รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองว่า การที่พี่น้อง "3 ป." ออกมาโชว์หวานกันถี่ๆ ช่วงนี้ เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของพี่น้อง อีกทั้ง ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งทั้งสนามเล็กและใหญ่ จึงต้องเร่งออกมาแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของพรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐ เพราะเอกภาพของพรรคหลัก ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสู้ศึกการเมือง

ขณะเดียวกัน ส่วนตัวไม่เคยคิดว่า "3 ป." จะแตกแยกกันจริงๆ อยู่แล้ว เพียงแต่อาจมีมุมมองความเห็นไม่ตรงกันบ้าง เช่น พล.อ.ประวิตร สนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส แต่นายกฯไม่ได้สนับสนุน ก็เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกัน เป็นเรื่องปกติของการทำงานร่วมกันที่อาจมีทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วลึกๆ ทั้ง 3 คนยังคงเหนียวแน่น เนื่องจากความสัมพันธ์ "3 ป." เป็นความสัมพันธ์เชิงบุคคล มีความผูกพันกันมายาวนาน ดังนั้น จึงเชื่อว่าไม่มีไม่มีอะไรทำให้ "3 ป." แยกจากกันได้

ขณะที่ ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มองลึกลงไปถึงปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยังคงอยู่ และภาพ "3 ป.สามัคคี" คือการแก้เกม โดยฌฉพาะภาพที่ยังปรากฏความกินแหนงแคลงใจระหว่างเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กับนายกรัฐมนตรี กรณีม็อบจะนะ ต้องยอมรับว่าทำให้เกิดความปั่นป่วนสับสนภายในหมู่มวลสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และผู้สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรีบออกมาปรับภาพลักษณ์ทันควัน เพื่อสร้างความมั่นใจในหมู่ฐานเสียงพรรคและรัฐบาล

เหตุนี้จึงทำให้เกิดภาพของกลุ่ม "3ป." ทานข้าวกันเป็นการส่วนตัวที่บ้านในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ สิ่งนี้ในทางการเมืองสามารถอ่านนัยยะได้ว่า เป็นการแก้เกมทางภาพลักษณ์ที่ "นายกลุงตู่" ตอบโต้ทางคารมกับ "ผู้กองธรรมนัส" เพื่อให้ภาพของความสมานฉันท์ของ "3ป." ออกสู่ลูกพรรคพลังประชารัฐและสังคม จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีความแตกแยกระหว่าง "2 ป." แม้ความสัมพันธ์กับเลขาธิการพรรคยังไม่เหมือนเดิม แต่ความสัมพันธ์กับผู้ที่ใหญ่สุดในพรรคพลังประชารัฐยังแนบแน่น ซึ่งถือว่าสำคัญกว่า และภาพความเป็นพี่น้อง "3ป." ยังคงขลัง สามารถตรึงความมั่นใจให้กับลูกพรรคได้ เพื่อไม่ให้มีใครย้ายพรรคและพรรคแตก แต่แสดงให้เห็นว่ายังพร้อมที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง และพร้อมจะสนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯต่อไป

สำทับด้วย ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า ภาพที่ออกมามีนัยยะทางการเมือง ให้เห็นถึงความสามัคคีของ "3 ป." ที่คนสงสัยมาตลอด เพราะช่วงนี้อาจจะมองว่าใกล้เลือกตั้ง ที่สำคัญมีคนต้องการเข้าพรรคพลังประชารัฐเยอะ จึงต้องสร้างภาพให้เห็นว่า "3 ป." ยังรักกันดี ไมใช่เข้ามาแล้วพบความแตกแยก ก็จะทำให้คนที่กำลังตัดสินใจ เกิดความไม่แน่ใจ ไม่เชื่อมั่น

ภาพที่ออกมาเป็นภาพของความเป็นปึกแผ่น นายกฯลุงตู่จะไม่หนีไปไหน จะไม่ไปตั้งพรรคใหม่ ส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มที่มีข่าวว่าจะลาออกจากพรรค ถ้าแน่จริงก็ออกไปได้เลย เพราะมีกลุ่มอื่นมารอเสียบแทนเยอะ และส่วนตัวยังเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมา "ลุงตู่ - ลุงป้อม" มีปัญหากันจริง โดยเฉพาะกรณี "ผู้กองธรรมนัส" แต่ "เวลาเป็นเครื่องเยียวยาทุกอย่าง" และที่สำคัญทั้ง "3 ป." มีปัจจัยพึ่งพากันอยู่ จึงต้องหันมาสามัคคีกัน