23 พฤศจิกายน 2564 นายไมเคิล ฮีต อุปทูตรักษาราชการชั่วคราว สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เวลา 15.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบริษัท โมเดอร์นา ( Moderna) จากรัฐบาลสหรัฐฯ (ครั้งที่ 2) อย่างเป็นทางการ
ในโอกาสดังกล่าวนี้ มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย ซึ่งนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดน และอุปทูตฯ สำหรับการมอบวัคซีน 1 ล้านโดสครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่ไทยได้รับความช่วยเหลือด้านวัคซีนโควิด-19 จากสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นมิตรแท้ในยามยาก
โดยการมอบให้ในครั้งแรกนั้น มีส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการเร่งฉีดวัคซีนของไทย ซึ่งได้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนสถานการณ์ดีขึ้น และสามารถเปิดประเทศได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ในหลายประเทศยังต้องเผชิญกับผู้ติดเชื้อที่ยังมีจำนวนสูง ซึ่งไทยไม่ต้องการที่จะกลับไปเผชิญสถานการณ์นั้นอีก นายกรัฐมนตรีจึงได้ย้ำว่าจะนำวัคซีนที่ได้รับมอบในครั้งนี้ไปกระจายฉีดให้อย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนไทย
ด้านอุปทูตฯไมเคิล ฮีต กล่าวยินดีที่ได้มีส่วนสำคัญ ในการมอบวัคซีนจากสหรัฐฯ และภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนประเทศไทย ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย จนมีส่วนช่วยให้ไทยกลับมาเปิดประเทศ และดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการ ฉีดวัคซีนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วการรักษาก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งสหรัฐ พร้อมพิจารณาให้การสนับสนุนประเทศไทย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นได้จากการแลกเปลี่ยนหารือระหว่างกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง สำหรับทุกความปรารถนาดีในช่วงเวลาแห่งความท้าทายเช่นนี้และหวังว่าทั้งสองประเทศจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
อนึ่ง การรับมอบวัคซีนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 ในวันนี้ เป็นไปตามที่รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศว่า จะมอบวัคซีนกว่า 2.5 ล้านโดส ให้กับไทย