อินเดียยอมยกเลิกกฎหมายปฏิรูปเกษตร หลังเจอม็อบต้านเป็นปี

นายกรัฐมนตรีโมดี แถลงต่อประชาชนทั่วประเทศในเช้าวันนี้ว่า "วันนี้เขาอยากบอกทุกคนทั่วทั้งประเทศว่า เราตัดสินใจถอนกฎหมายการเกษตรทั้ง 3 ฉบับ และในภารประชุมรัฐสภาที่จะเริ่มขึ้นในเดือนนี้ เราจะดำเนินการตามขั้นตอนทางรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ"

กฎหมายปฏิรูปการเกษตรผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาในเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว มีเนื้อหาสำคัญในการผ่อนปรนข้อบังคับ, อนุญาตให้เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตให้แก่ผู้ซื้อ โดยไม่ต้องผ่านตลาดค้าส่งที่ควบคุมโดยภาครัฐ ที่มีการประกันราคาขั้นต่ำ  แต่เกษตรกรรายย่อยคัดค้านเพราะการปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พวกเขาเผชิญการแข่งขันจากธุุรกิจขนาดใหญ่ และพวกเขาจะไม่ได้รับการประกันราคาสินค้า เช่น ข้าว และข้าวสาลี

แต่รัฐบาลให้เหตุผลว่า การปฏิรูปภาคการเกษตร ที่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 15% ของมูลค่าเศรษฐกิจทั้งประเทศ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ จะสร้างโอกาสใหม่และทำให้เกษตรกรขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น นายกรัฐมนตรีโมดี บอกว่า  กฎหมายจะเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับเกษตรกรรายย่อย แต่รัฐบาลล้มเหลวที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรที่คัดค้านกฎหมายใหม่เหล่านี้

ดาร์ชาน ปาล ผู้นำเกษตรกรพอใจกับการตัดสินใจล่าสุดของนายกรัฐมนตรี และบอกว่า "สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเอกภาพของเกษตรกร และการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ผมขอแสดงความยินดีกับเหล่าเกษตรกรสำหรับเอกภาพ และการต่อสู้ที่ได้รับชัยชนะในที่สุด"

แต่วุฒิสมาชิก ปาลานีอัปปาน ชิดัมบารัม ทวีตว่า "สิ่งที่ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการประท้วงตามวิถีประชาธิปไตย สามารถสำเร็จได้ด้วยความกลัวต่อการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา และคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเรื่องถอนกฎหมายเกษตร 3 ฉบับ ไม่ได้มีแรงจูงใจจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือ การเปลี่ยนใจ แต่ถูกกดดันด้วยความกลัวการเลือกตั้ง"

ก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจกับการประท้วงของเกษตรกรที่เป็นการท้าทายทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดต่อนายโมดี ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2562 โดยในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เกษตกรยกระดับการชุมนุมด้วยการปักหลักอยู่รอบนอกกรุงนิวเดลีนานเกือบหนึ่งปี และในเดือน ม.ค.ปีนี้ พวกเขาพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อบุกเข้าไปในบริเวณป้อมแดงในกรุงนิวเดลี จนเกิดการปะทะกับตำรวจ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน นอกจากนี้เมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 8 รายระหว่างการประท้วงในรัฐอุตตระประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรครัฐบาลต้องการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสภาระดับรัฐในปีหน้า