อธิบดี ทช.เผย เขื่อนกันคลื่นโครงสร้างแข็ง ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย

19 พฤศจิกายน 2564 จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ศาลปกครองชั้นต้น สั่งคุ้มครองชั่วคราวการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาดม่วง จ.สงขลา ทำให้โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาดม่วงงาม โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองถูกชะลอออกไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่นหรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ศาลปกครองสูงสุด สั่งคุ้มครอง ระงับก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมชายหาดม่วงงาม

กรมโยธาธิการและผังเมืองจึงได้ยื่นร้องอุทธรร์ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอดำเนินการโครงการต่อ ล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 พฤศจิกายน 2564) ศาลปกครองสูงสุด เห็นพ้วงด้วยกับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ที่ให้ระงับโครงการเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่นหรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยศาลเห็นว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาดม่วงงามนั้น มีการก่อสร้างลงไปในทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของชายหาดม่วงงาม อีกทั้งข้อเท็จจริงของผู้ฟ้องคดี และเทศบาลม่วงงามที่ยืนยันสภาพชายหาดม่วงงามนั้น มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> "กรณ์" ค้านสร้างเขื่อนกำแพงกันคลื่น "หาดม่วงงาม" ชี้ทำระบบนิเวศเสียหาย

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนกันคลื่นเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งว่า ...

"การสร้างเขื่อนกันคลื่นที่เป็นโครงสร้างแข็ง ทางกรมจะใช้เป็นวิธีสุดท้าย เพราะโดยหลักใหญ่ของนโยบายชาติแล้ว เราอยากต่อสู่กับธรรมชาติให้น้อยที่สุด แต่เราต้องปรับตัวอยู่กับธรรมชาติให้ได้" 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม "ทศวรรษแห่งมหาสมุทร"

อธิบดี ทช. ยังอธิบายต่อว่า ที่ผ่านมาสิบกว่าปี เราได้พื้นที่ป่าชายเลนกลับมาหลายร้อยไร่ เพราะการทำงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คือการพยายามปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ โดยใช้โครงสร้างอ่อนในพื้นที่หาดโคลน คือใช้ไม้ไผ่ให้โคลนตกตะกอนแล้วปลูกป่าชายเลน