พ่อสุดเวทนาแจ้งจับลูกคลั่งยาควงมีดทำลายข้าวของ

7 พฤศจิกายน 2564 เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 7 พ.ย.64 ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนเมายาคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของในบ้านเสียหาย อาละวาดควงมีดพร้าจนพ่อ และน้องวิ่งหนีตายออกนอกบ้าน เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมสี่แยกเบญจมฯ พร้อมเหล็กง่าม อุปกรณ์จับคนคลุ้มคลั่ง เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้นอยู่ในสวนมะพร้าว พบนายแดง อายุ 65 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ และนายขาว อายุ 30 ปี น้องชายของผู้ก่อเหตุ ยืนรอเจ้าหน้าที่ริมถนนหน้าบ้าน ก่อนแจ้งว่า คนคลุ้มคลั่งคือนายโจ๊ก อายุ 34 ปี เป็นลูกชาย ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดใช้อาวุธมีดพร้าและจอบทำลายข้าวของในบ้านเสียหาย จนพ่อและน้องชาย ต้องหนีตายออกมานอกบ้าน เพราะเกรงจะถูกทำร้าย

อย่างไรก็ตามบ้านเกิดเหตุเป็นพื้นที่ปิด ทางเข้าเป็นป่า จึงยากในการบุกเข้าจับกุมคนคลุ้มคลั่ง เพราะคนคุ้มคลั่งมีอาวุธมีดพร้า เจ้าหน้าที่จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และวางแผนก่อนเข้าจับกุมคนคลุ้มคลั่งอย่างรัดกุม เพื่อลดการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่และคนคุ้มคลั่ง พร้อมกับประสานกำลังเสริมตำรวจ 191 เข้าสมทบ ส่วนในคลองหน้าบ้านพบรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุ ถูกทิ้งจมอยู่ในน้ำตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมไม้ง่าม จึงกระจายกำลัง ปิดล้อมบ้าน พยายามพูดจาเกลี่ยกล่อมให้นายโจ๊ก สงบลง และวางอาวุธมีดพร้า อยู่นานกว่า 30 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล นายโจ๊ก ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ไม่ยอมออกจากตัวบ้าน และซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง พบว่านายโจ๊ก เริ่มมีท่าทีสงบลงบ้างและยอมพูดคุยกับตำรวจ จึงตะโกนบอกให้วางอาวุธมีดพร้า ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฉวยโอกาสตอนที่นายโจ๊กวางอาวุธมีดพร้าลงพื้นแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านชาร์จตัวนายโจ๊ก พร้อมกับใช้เหล็กง่ามล็อคลำตัว และล็อคขาบริเวณขานายโจ๊ก เพื่อป้องกันการต่อสู้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุด วิ่งกรูเข้าล็อคตัวนายโจ๊ก ใส่กุญแจมือ และใช้ผ้ามัดขาทั้งสองข้าง ป้องกันการขัดขืนต่อสู้ ก่อนจะนำตัวออกจากตัวบ้าน เพื่อประสานรถกู้ภัย นำตัวนายโจ๊ก ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อส่งตัวบำบัดรักษาอาการยาเสพติดต่อไป  

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางมารับนายโจ๊ก ส่งโรงพยาบาล พบว่านายแดง พ่อของนายโจ๊ก ได้ใช้ผ้าข้าวม้าของตัวเอง ใช้เช็ดน้ำมูก เหงื่อให้กับนายโจ๊ก ที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนพื้น ด้วยความสงสาร ซึ่งภาพดังกล่าวสร้างความหดหู่ใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์ ที่คิดเหมือนกันว่า แม้ว่าพ่อจะเป็นคนแจ้งตำรวจมาจับลูกชายที่เมายาคลุ้มคลั่ง แต่ก็ยังมีความรักให้กับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นเช่นไร
 

ขณะที่นายขาว อายุ 30 ปี น้องชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่า พี่ชายเคยถูกจับข้อหามีอาวุธปืน และเสพยา ติดคุกในเรือนจำ จากนั้นพ้นโทษกลับมาอยู่บ้าน แต่ยังข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีก สุดท้ายเป็นคนป่วยจิต ต้องรักษาที่โรงพยาบาล แต่พี่ชาย ไม่ยอมกินยาที่ทางโรงพยาบาลให้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเกิดอาการคลุ้มคลั่งบ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พี่ชายเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ซึ่งได้แจ้งตำรวจจับกุมส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่สุดท้ายไม่กี่วันทางโรงพยาบาลก็ปล่อยตัวมาบ้าน

ภาพ/ข่าว โดย : ชชาดล เจริญพงศ์ จ.นครศรีธรรมราช