นางสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) กล่าวว่า สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะโลกหลังโควิด-19 ทำให้หลายครอบครัวต้องปรับชีวิตประจำวันรูปแบบใหม่เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ
เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะการมีทักษะเหมาะสมตามวัยจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต
โดยพฤติกรรมเด็กแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กช่วงโควิด-19 ไม่อยากให้ตีตราว่าเป็นพฤติกรรมไม่ดี ภาคีเครือข่ายเด็กและครอบครัว สสส. เดินหน้าสร้างความเข้าใจเรื่อง “ภาวะโลกผันผวน” หรือ VUCA World กับผู้ปกครอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งทำให้เด็กรับมือกับสภาพแวดล้อมและโลกในวันข้างหน้าที่ไม่มีความแน่นอนทางเศรษฐกิจ สังคม และการใช้ชีวิตให้ได้
โดยเป้าหมายในการสร้างเด็กและเยาวชนสมัยใหม่นั้น นอกจากเรียนรู้ในห้องเรียนด้านเนื้อหาวิชาการตามมาตรฐานการศึกษา อยากให้เห็นคุณค่าด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อพัฒนาพฤติกรรม ทักษะชีวิต และการคิดวิเคราะห์ เชื่อว่าจะเป็นผลดีเมื่อเด็กเติบโตขึ้น” นางสุภาวดี กล่าว
ผศ.วิริยาภรณ์ อุดมระติ ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตวิทยาพัฒนาการมนุษย์ กล่าวว่า พฤติกรรมเด็กส่วนใหญ่เกิดจากสมองและจิตใจที่ถูกปลูกฝังหรือสัมผัสจากครอบครัวและสังคม ดังนั้น เวลาผู้ปกครองจะปรับพฤติกรรมเด็กต้องไม่จัดการปัญหาแค่ปลายเหตุ แต่ต้องรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในระบบความคิดของเด็ก
จึงเป็นที่มาของความรู้ฐานราก 3 มิติ ดังนี้
“
"การเลี้ยงดูเชิงบวกจะทิ้งร่องรอยประสบการณ์ที่มีคุณภาพในสมองและจิตใจเด็ก เกิดเป็นความสัมพันธ์อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย ส่งผลให้เด็กสร้างตัวตนได้สมวัย ส่งเสริมทักษะดี และทักษะสมอง EF
ขณะที่การเลี้ยงดูเชิงลบ จะทิ้งร่องรอยประสบการณ์เลวร้ายในสมอง และจิตใจของเด็ก เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่น่ากังวล หวาดกลัว ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ จนกลายเป็นวงจรความเครียด เช่น เด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย และจิตใจซ้ำๆ จะเป็นคนใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล” ผศ.วิริยาภรณ์ กล่าว