บรรยากาศการเปิดประเทศวันแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มคึกคัก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทยอยเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศไทยเปิดให้ ผู้ที่เดินทางมาจาก 63 ประเทศ สามารถเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เมื่อฉีดวัคซีนครบโดส และผลตรวจโควิด-19 ไม่พบเชื้อ
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กิตติพงศ์ กิตติขจร ระบุ สนามบินได้เตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับการเปิดประเทศ ทั้งขั้นตอนบริการผู้โดยสารภายในและระหว่างประเทศ เตรียมโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดตามมาตรการทางสาธารณสุข
โดยวันนี้มีทั้งหมด 61 เที่ยวบินจากต่างประเทศ รวมผู้โดยสาร ประมาณ 3,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,300 คน และนักท่องเที่ยวไทยที่กลับจากต่างประเทศอีกราว 800 คน ไม่รวมเที่ยวบินขนส่งสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินจากยุโรปกับเอเชียเป็นหลัก
จากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ช่วงวันที่ 1-5 พ.ย.นี้ มีการจองบัตรโดยสารที่ทำการบินเข้าประเทศไทยจาก 27 สายการบินจากต่างประเทศโดยมีจำนวนผู้โดยสารเข้าไทยกว่า 15,230 คน
ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการเปิดประเทศจะมีปริมาณเที่ยวบินต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 480 เที่ยวบิน จากปัจจุบัน 320 เที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 38,000 คน จากปัจจุบัน 15,000 คน
สำหรับขั้นตอนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จะเริ่มตั้งแต่ผู้โดยสารลงจากอากาศยาน จะได้รับการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ แยกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้โดยสารบางส่วนจะยังต้องตรวจด้วยระบบใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ COE อีกส่วนจะตรวจด้วยวิธีการสแกน QR Code ของระบบ Thailand Pass ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาแทนการใช้ระบบ COE
จากนั้นผู้โดยสารเดินตามเส้นทางที่กำหนด ผ่านการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ หากผู้โดยสารอุณหภูมิเกิน 37.3 องศาเซลเซียส หรือเข้าเกณฑ์ PUI เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ จะกันผู้โดยสารดังกล่าวไปดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
หากอุณหภูมิไม่เกิน 37.3 องศาเซลเซียส ก็เข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้น ผู้โดยสารรับสัมภาระและผ่านพิธีการศุลกากร หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำผู้โดยสารไปพบตัวแทนโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือกที่ผู้โดยสารจองมาล่วงหน้าแล้ว บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าชั้น 2
จากนั้นผู้โดยสารขึ้นรถของโรงแรมซึ่งมีการจัดให้มีที่กั้นระหว่างพนักงานขับกับผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เพื่อไปดำเนินการตรวจ RT-PCR ตามกำหนด ณ โรงแรมที่พักต่อไป ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ รวมระยะเวลาของผู้โดยสารตั้งแต่ลงจากเครื่องบินจนถึงกระบวนการต่าง ๆ จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที/คน เร็วกว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ใช้เวลาประมาณ 30 กว่านาที/คน