28 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (27 ตุลาคม 2564) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เปิดเผยถึง กรอบท่าทีการเจรจาของไทยในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 12 พฤศจิกายน 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร
รมว.ทส.เปิดเผยว่า ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nation Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) เราได้ให้ความสำคัญ ต่อประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำลังเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
โดย นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เพื่อแสดงท่าทีและเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่จะมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ.2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero GHG emission) โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังศตวรรษนี้ รวมถึงมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065
ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ภายใต้กรอบความตกลงปารีส (Paris Agreement) ตลอดจนจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (Long-term low greenhouse gas emission development strategies: LT-LEDS)
โดยประเทศไทยมีความพร้อมและยินดีทำงานร่วมกับทุกภาคีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีส และคาดหวังให้การประชุม COP26 สามารถหาข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นเจรจาที่ยังไม่มีข้อสรุปได้ เพื่อให้มีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนภายใต้ความตกลงปารีสในระยะหลังปี ค.ศ. 2020 ต่อไป
และนอกจากนี้ ประเทศไทยจะมีการหารือทวิภาคี (Bilateral discussion and cooperation) ร่วมกับสมาพันธรัฐสวิส เพื่อพัฒนาความร่วมมือในประเด็นด้านการลดก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนอยู่ระหว่างการพิจารณานัดหมายการหารือร่วมกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ถึงโอกาสการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันต่อไปอีกด้วย
ไม่นานมานี้รายงานจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ IPCC ได้เตือนว่าโลกได้ร้อนขึ้นแล้ว 1.1 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และกำลังจะร้อนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ทั่วโลกล้มเหลวเป้าหมายที่จะทำให้โลกร้อนไม่เกิน 1.5-2 องศาเซลเซียสภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้ โดยทั่วโลกได้จับตามองงาน COP26 ถึงมาตรการต่างๆด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจากผู้นำโลก ไม่ว่าจะเป็นการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ที่จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศและโลกของเรา