ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งใหม่ที่ออกข้อบังคับให้ผู้โดยสารชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯด้วยเครื่องบินจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส เพื่อเตรียมเปิดพรมแดนต้อนรับเที่ยวบินจากต่างประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.นี้ หลังจากระงับไปตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ช่วงต้นปีที่แล้ว
ขณะเดียวกันคำสั่งของประธานาธิบดีได้ยกเลิกการห้ามผู้เดินทางจากกว่า 30 ประเทศเข้าสหรัฐฯ ได้แก่ 26 ประเทศในกลุ่มเชงเก้น และอังกฤษ ไอร์แลนด์ จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่าน และบราซิล
สายการบินจะต้องตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้เดินทางก่อนให้ขึ้นเครื่องบินออกจากต้นทางเพื่อเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งต้องเป็นเอกสารออกโดยทางการ และได้รับอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง รวมทั้งเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ และสายการบินต้องเก็บข้อมูลการติดต่อของผู้โดยสารไว้นาน 30 วันเพื่อให้สามารถติดตามตัวได้
ส่วนผู้เดินทางที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน รวมถึงชาวอเมริกัน จะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบภายในหนึ่งวันก่อนการเดินทาง และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้มีปัญหาทางการแพทย์ได้รับข้อยกเว้นเรื่องการฉีดวัคซีน แต่ต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 3 วันก่อนการเดินทาง
และผู้เดินทางที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากเกือบ 50 ประเทศ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 10% ได้รับข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน แต่ผู้ได้รับยกเว้นกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนภายใน 60 วันหลังเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึง ไนจีเรีย อียิปต์ เมียนมา อิรัก คองโก เยเมน และเฮติ