22 ตุลาคม 2564 จากกรณีเกิดไฟไหม้บ้านเลขที่ 46/2 หมู่4บ้านเหล่า ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เมื่อเช้ามืดของวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุคาดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร และลุกลามไปบ้านใกล้เคียงได้รับความเสียหายอีก 8 หลัง
โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 105 หมู่ 4 มีนายนี สมรฤทธิ์ อายุ 62 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ที่ปลูกอยู่ติดกับบ้านต้นเพลิง มาทราบภายหลังว่านางสุมาลี สมรฤทธิ์ อายุ 61 ปี ภรรยา นำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท รวมทั้งทองคำรูปพรรณ หนัก 5 บาท ซ่อนไว้ในกระเป๋าถือในตู้เสื้อผ้าบนชั้นสองของตัวบ้าน ถูกพระเพลิงเผาไหม้จนแทบหมดเนื้อหมดตัว
หลังเพลิงสงบลูกหลานได้เข้าคุ้ยเขี่ยหาเศษธนบัตร และทองคำ ที่คาดว่าจะหลงเหลือเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนกับธนาคาร แต่ปรากฎว่าเงินถูกไฟไหม้จนเป็นผุยผง มีเศษทองคำถูกไฟหลอมละลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วันนี้ (22 ต.ค.) น.ส.รัตนาวดี สมรฤทธิ์ อายุ 34 ปี ลูกสาวนางสุมาลี ได้รับถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
น.ส.รัตนาวดี บอกว่า คนในบ้านไม่มีใครรู้มาก่อนว่าแม่ นำเงินสด 1 ล้าน ซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า กระทั่งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านของนางคำบู่ แม่จึงบอกว่ามีเงินสดและทองคำซุกอยู่ในตู้ แต่ในขณะนั้นไฟไหม้รุนแรงมากไม่สามารถเข้าไปนำออกมาได้ ทุกคนต่างยืนมองบ้านของตนถูกไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก โดยนางคำบู่ เป็นลมสลบแล้วสลบอีก
น.ส.รัตนาวดี เล่าต่อว่า สาเหตุที่แม่เก็บเงินสดไว้ เพราะตั้งใจจะเอาซื้อที่ดินปลูกบ้านให้ลูก จึงไปเบิกเงินสดจากธนาคาร โดยไม่ยอมบอกให้คนในบ้านรู้แม้แต่คนเดียว ถึงตอนนี้นางสุมาลี ผู้เป็นแม่ยังทำใจไม่ได้ และไม่ยอมมาดูสภาพบ้านหลังเพลิงสงบ เพราะยังไม่ยอมรับต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ญาตินำไปดูแลสภาพจิตใจที่อื่นชั่วคราวก่อน
นอกจากนี้บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 ซึ่งมีนายประเพียน สมรฤทธิ์ อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของบ้าน โดยนางไสลา สมรฤทธิ์ อายุ41ปี ลูกสาว มีทองรูปพรรณเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกันจำนวน 2 บาท ก็ถูกไฟไหม้หมดเหลือเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขี่ยหาเจอ จึงเอามาเก็บไว้ในกล่องสังกะสี
นายวรากร สมรฤทธิ์ อายุ 21 ปี ลูกชายนางไสลา เล่าว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ นางช่วงผู้เป็นย่าร้องตะโกนว่าไฟไหม้ๆ ตนจึงสะดุ้งตื่นหยิบฉวยสิ่งของไหนได้ก็ขนออกมาวางข้างนอก แต่แทบไม่ทันการเพราะไฟโหมแรงมาก ประกอบกับมีลมพัดจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว
ส่วนอุปกรณ์ที่เสียหายนอกจากตัวบ้านแล้วก็มีโทรทัศน์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ที่นอนหมอนมุ้งไม่เหลือชิ้นดีสักอย่าง เหตุการณ์แบบนี้เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกในชีวิต
ด้าน นางกองมณี ป้องทอง อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 196 หมู่ 4 ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านต้นเพลิง เล่าด้วยความระทึกว่าลุกขึ้นมานึ่งข้าว เตรียมใส่บาตรพระตอนเช้า ได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆดังจากบ้านของนางคำบู่ ชะโงกหน้าดูเห็นประกายไฟลุกโชนที่คัทเอาท์ตรงเสาปูนกลางบ้าน ก่อนจะมีไฟลุกพรึบไหม้สิ่งของภายในบ้านอย่างรวดเร็ว ตนจึงร้องบอกคนในละแวกนั้นว่าไฟไหม้ๆ และวิ่งหนีออกจากบ้านยกมือไหว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บ้านตัวเองรอดพ้นจากเพลิงไหม้ครั้งนี้ด้วย แม้สุดท้ายจะไม่โดนไฟเผาผลาญเหมือนบ้านคนอื่น แต่รู้สึกตกใจและเห็นใจเพื่อนบ้านที่สิ้นเนื้อประดาตัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ทางเทศบาลตำบลนาคำได้ขอรับการสนับสนุนจาก อบจ.นครพนม และจังหวัดนครพนมตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2563ซึ่งปัจจุบันมีการตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของอุปโภค บริโภค รวมทั้งเงินเยียวยาผู้ประสบภัยขึ้นในพื้นที่ โดยยอดเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วันที่22ตุลาคม2564รวมทั้งสิ้น81,466บาท
ภาพ/ข่าว โดย : ทวี อภิสกุลชาติ