svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

18 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง ชี้ ช่วยให้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น เหตุ แต่ละประเทศมีความสามารถและความเสี่ยงในการควบคุมโรคต่างกัน

18 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิจัยกรุงศรี โดย Rachot Leingchan วิเคราะห์จัยถึง เปิดท่องเที่ยวไทยอย่างไรให้ได้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจและการติดเชื้อ โดยระบุว่า การท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องเผชิญความยากลำบากจากวิกฤตโควิด-19

 

      โดยเฉพาะจากการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สัญญาณฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในบางภูมิภาค จึงทำให้ประเทศไทยต้องเริ่มหันมาพิจารณาคลายมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ วิจัยกรุงศรี มองว่าการใช้มาตรการที่แตกต่างกัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากแต่ละประเทศ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น เนื่องจากแต่ละประเทศมีความสามารถและมีความเสี่ยงในการควบคุมการระบาดที่ต่างกัน

 

     การแบ่งกลุ่มประเทศขึ้นกับทั้งประโยชน์ที่จะได้รับและความเสี่ยงของการระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว ประโยชน์ที่ได้รับสะท้อนรายได้จากการท่องเที่ยว ขณะที่ความเสี่ยงของสะท้อนจากการติดเชื้อและความสามารถควบคุมโรคของแต่ละประเทศ วิจัยกรุงศรี เสนอว่าควรแบ่งประเทศออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

 

กลุ่มสีเขียว กลุ่มสีเหลือง กลุ่มสีส้ม และกลุ่มสีแดง โดยกลุ่มสีเขียวประกอบด้วยประเทศที่มีความเสี่ยงการนำเข้า การระบาดของโควิด-19 ต่ำและเป็นตลาดท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยได้มาก มาตรการที่ใช้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศจากกลุ่มนี้ จึงควรมีความเข้มงวดน้อยที่สุด นอกจากนี้ รายชื่อประเทศและมาตรการที่ใช้ควรถูกนำมาพิจารณาทุก 14 วัน เพื่อให้สามารถปรับให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้

     ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงทั่วโลกทำให้หลายประเทศเริ่มคลายความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการระบาดโดยเฉพาะมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ การเปิดให้รับประทานอาหารในร้าน การอนุญาตจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก และการเปิดการเดินทางในประเทศ การคลายล็อกดาวน์เหล่านี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวและช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

      อย่างไรก็ตาม หลายประเทศกลับมาเผชิญความเสี่ยงจากการระบาดที่สูงขึ้นอีกครั้ง ดังนั้น การจัดการและหาจุดสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการดำเนินการคลายความเข้มงวดของมาตรการในระยะต่อไป

 

     โดยเฉพาะการเปิดประเทศเพื่อรองรับการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้ง จากบทความเปิดประเทศไทยอย่างไรให้พ้นภัยเศรษฐกิจและโควิด-19 ที่วิจัยกรุงศรีศึกษาขั้นตอนการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ในคราวนี้เราจะวิเคราะห์ความเสี่ยงและเสนอแนะแนวทางในการเปิดประเทศของไทย เพื่อเตรียมการเริ่มต้นรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

 

ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกสูญเสียรายได้อย่างหนักเป็นเวลาเกือบสองปี แม้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในบางภูมิภาค

 

     องค์การท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization) ประเมินว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกหดตัวมากถึง 60-80% จากวิกฤติการระบาดของโควิด-19

 

    ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของวิจัยกรุงศรีที่ใช้ข้อมูล Google Search ในการวิเคราะห์กิจกรรมการท่องเที่ยวโลกและไทย โดยจากข้อมูลความถี่ของการค้นหาเว็บไซต์เกี่ยวกับการจองที่พัก (Agoda, Expedia และ TripAdvisor)

 

     พบว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวโลกลดต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวได้ประมาณ 50% ของระดับก่อนการระบาด (รูปที่ 1) มีแรงหนุนจากการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคเดียวกันโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และในยุโรป (รูปที่ 2)

     ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยยังคงซบเซา จากมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศที่เข้มงวด สัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในบางภูมิภาคทำให้ประเทศไทยต้องเริ่มพิจารณาและเตรียมตัวหาขั้นตอนในการเปิดรับนักท่องเที่ยวในอนาคตเพื่อชดเชยรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

    รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจสำคัญของไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

      ในปี 2019 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.06 ล้านล้านบาท คิดเป็นถึง 20% ของมูลค่าเศรษฐกิจประเทศไทย มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5.8% ต่อปีในช่วง 2017-2019 นักเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 39.8 ล้านคน

 

     โดยตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ จีน กลุ่มประเทศอาเซียน และกลุ่มประเทศยุโรป ที่มีสัดส่วน 27.6%, 26.8%, และ 16.9% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด (รูปที่ 3)  และเมื่อมองในมุมการใช้จ่าย นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียและตะวันออกกลางมีค่าใช้จ่ายต่อคนสูงสุดถึง 85,697 และ 81,262 บาท ส่วนรายจ่ายของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 48,487 บาทต่อคน (รูปที่ 4)

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

รายจ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ บ่งบอกประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเปิดประเทศ

 

     วิจัยกรุงศรี มองว่า ประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสูงและมีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูง จะเป็นประเทศที่เราควรพิจารณาเปิดให้เดินทางเข้ามาในประเทศก่อน

 

     โดยจาก 45 ประเทศที่ทำการศึกษามีนักท่องเที่ยวรวม 38.4 ล้านคนหรือคิดเป็น 96.4% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด พบว่า การเปิดให้นักท่องเที่ยวจาก สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ อิสราเอล จีน และรัสเซีย เดินทางเข้าประเทศไทยจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยได้มากที่สุด

     

     การเปิดรับนักท่องเที่ยวช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงจากโควิดที่เพิ่มขึ้น

 

      วิจัยกรุงศรี สร้างดัชนีความเสี่ยงของการระบาดในแต่ละประเทศ ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงการนำเข้าการระบาดของโควิด-19 (Risk from imported cases)

 

     หากมีการเปิดประเทศ โดยดัชนีความเสี่ยงของการระบาดคำนวณจาก 5 ปัจจัยต่อไปนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อประชากรในช่วง 14 วันที่ผ่านมา (Total number of infections in the last 14 days) แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อ (Infection trend) จำนวนการตรวจหาเชื้อโควิดต่อประชากรในช่วง 7 วันที่ผ่านมา (Total number of COVID-19 tests in the last 7 days) สัดส่วนการเจอเชื้อโควิด-19 (Positive rate)

 

      และสัดส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสต่อประชากร 100 คน (Vaccine coverage per hundred persons) โดยใช้วิธี Principal Component Analysis เพื่อคำนวณดัชนี

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

     ผลการศึกษาซึ่งแสดงในรูปที่ 5 พบว่าประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำได้แก่ ไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบียซึ่งแทนด้วยสีเขียวในแผนที่ ขณะที่ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกแทนด้วยสีแดง ซึ่งประเทศส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปตะวันออกและทวีปแอฟริกา การเลือกอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เดินทางเข้าประเทศไทยจะช่วยลดการนำเข้าความเสี่ยงของโควิด-19 ได้

 

     ขณะที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่ำเป็นอันดับที่ 140 จาก 224 ประเทศทั้งหมดที่นำมาประเมิน เนื่องจากการติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง การตรวจโควิด-19 ต่ำ และสัดส่วนการตรวจเจอผู้ติดเชื้อสูง

    

การเปิดประเทศต้องทำอย่างระมัดระวังและเป็นขั้นตอน โดยเลือกใช้มาตรการและความเข้มงวดตามความเสี่ยงของประเทศ

 

      การเลือกเปิดประเทศต้องคำนึงทั้งประโยชน์ที่จะได้รับและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว ดังนั้น วิจัยกรุงศรี จึงใช้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายจ่ายของนักท่องเที่ยวรายคนมาคำนวณ Benefits score

 

      เพื่อสะท้อนประโยชน์ที่จะได้รับจากการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศนั้นๆ เดินทางเข้าไทย ส่วนความเสี่ยงจากการระบาดสะท้อนจากความเสี่ยงการนำเข้าการระบาดของโควิด-19

 

      โดยประเทศไทยควรลดความเข้มงวดของมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยได้สูงและมีความเสี่ยงของการระบาดต่ำกว่าก่อน จากผลการศึกษาในรูปที่ 6 พบว่าประเทศที่ควรอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าประเทศก่อนจะเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มขวาบนของกราฟ เช่น คูเวต ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรเลีย และไต้หวัน เป็นต้น

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

      จะเห็นได้ว่า การจัดกลุ่มประเทศเพื่อหามาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาในทั้ง 2 มิติคือ ด้านความเสี่ยงและความสำคัญ โดยวิจัยกรุงศรี เสนอว่าควรแบ่งประเทศออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อจัดมาตรการที่เหมาะสม

 

     ได้แก่ กลุ่มสีเขียว ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความสำคัญสูง กลุ่มสีเหลือง (ประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลาง) กลุ่มสีส้ม (ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง) และกลุ่มสีแดง (ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากหรือมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวไทยน้อย) การแบ่งกลุ่มสามารถทำได้หลายเกณฑ์ขึ้นกับว่าเรามองปัจจัยใดสำคัญกว่ากันระหว่างรายได้และความเสี่ยง 

 

     โดยในการศึกษาชิ้นนี้ วิจัยกรุงศรี เสนอการแบ่งกลุ่มประเทศออกเป็นสามรูปแบบ ได้แก่

(1) ให้ความสำคัญทั้งสองปัจจัยเท่ากัน

(2) ให้ความสำคัญด้านรายได้มากกว่า และ

(3) ให้ความสำคัญด้านความเสี่ยงหรือสุขภาพมากกว่า โดยรายชื่อประเทศในแต่ละกลุ่มจากการแบ่งทั้งสามรูปแบบสามารถดูจากรูปที่ 7

 

      นอกจากประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยว ประวัติการฉีดวัคซีน ก็มีผลต่อการเลือกใช้มาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศด้วย หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากประเทศกลุ่มสีแดงและยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มาตรการที่ใช้จะต้องมีความเข้มงวดสูง โดยมาตรการที่ใช้รวมถึง

(1) หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วัน

(2) ผลตรวจ PCR ภายใน 72 ชม.ก่อนเข้าประเทศ

(3) การตรวจและสุ่มตรวจหลังจากเดินทางเข้าประเทศ

(4) การลงทะเบียนรายงานตัวตามเวลาที่กำหนด

(5) การกักตัวด้วยตัวเอง

(6) การห้ามออกนอกเขตที่กำหนดหรือกำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวที่เหมาะสม และ 

(7) การกักตัวที่สถานกักตัวของรัฐหรือเอกชนที่รัฐกำหนด

การวิจัยกรุงศรีได้เสนอมาตรการที่อาจนำมาใช้แบ่งตามนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ ตามรูปที่ 8 ทั้งนี้ รายชื่อประเทศในแต่ละกลุ่มและมาตรการที่ใช้ควรถูกนำกลับมาพิจารณาทุก 14 วันเพื่อความเหมาะสมต่อไป

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

      นอกจาก การพิจารณาขั้นตอนการคลายความเข้มงวด ของมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศแล้ว การควบคุมการระบาดในประเทศและการเร่งฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว จะช่วยให้ผู้คนและเศรษฐกิจในประเทศสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเปิดประเทศได้เร็วขึ้น

 

     และยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในประเทศได้ อีกทั้ง การเตรียมรับมือป้องกันทั้งในด้านความพร้อมของระบบป้องกัน ระบบเตือนความเสี่ยงของการระบาดและการเพิ่มความสามารถ ในการรองรับการระบาดครั้งใหม่ยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการคลายล็อกดาวน์ มาตรการเดินทางระหว่างประเทศในระยะต่อไป

วิจัยกรุงศรี แนะ เปิดประเทศ รับนทท. ควรแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ตามความเสี่ยง

logoline