วันนี้ ( 14 ต.ค. 2564 ) ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและรักษาในสถานณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมประชุมร่วมกับนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและทีมแพทย์สังกัดเขตสุขภาพที่ 12 เพื่อติดตามสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นวันละ 2,000 คน โดยเฉพาะที่ จ.ปัตตานีและยะลาที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดซึ่งตามกำหนดการภารกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 14 -15 ต.ค.จะลงพื้นที่ไปติดตามงานด้วยตัวเองครบทั้ง 4 จังหวัดชายแดนใต้
นายอนุทิน เปิดเผยว่า สำหรับในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงถึงวันละ 2,000 คน ทำให้สัดส่วนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นราว 20% ของผู้ป่วยทั้งประเทศ จึงจำเป็นต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด
จากตัวเลขปัจจุบันที่ฉีดไปแล้วกว่า 50% แต่เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ยิ่งต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ภายในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่จำนวนวัคซีนเท่าที่ดูจากข้อมูลพบว่ายังขาดอีก 1 ล้านโดส ซึ่งล่าสุด
ได้รับแจ้งว่าสัปดาห์นี้จะทยอยส่งมาให้ก่อน 400,000 โดส ส่วนอีก 600,000 โดส จะเร่งให้ครบภายในเดือนตุลาคมเพื่อปิดเกมการระบาดให้ได้
"ผมยังมีความมั่นใจว่าหากภายในเดือนตุลาคมนี้ได้ฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย 70% จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดลดลงได้ โดยสัดส่วนที่ลดลงนั้นก็ช่วยทำให้ภาพรวมทั้งประเทศดีขึ้นด้วยและมั่นใจว่าจะไม่เป็นอุปสรรคในการเปิดประเทศ 1พ.ย.นี้" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนมาตรการควบคุมนั้นจะมีการปรับเพิ่มเป็นพิเศษหรือไม่นั้น รมว.สาธาณสุข บอกว่า อาจต้องเน้นการปรับเพิ่มในส่วนของการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือให้ชาวบ้านฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยจะให้ จนท.กระทรวงสาธารณสุขทั้งเขตสุขภาพที่ 12 , รพ.สต.ได้ระดมทีมงานเข้าพื้นที่ทำความเข้าใจผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เนื่องจากสาเหตุหลักการติดเชื้อมาจากกิจกรรมรวมกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในบ้านและชุมชน
นายอนุทิน กล่าวถึงประเด็นทีมแพทย์และบุคลากรทางการแทพย์ที่ไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ระบาดในพื้นที่ภาคใต้นั้น ล่าสุดได้มีการลงนามคำสั่งให้บุคลากรแพทย์ที่อยู่นอกระบบสามารถไปปฏิบัติงานสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆได้ โดยการเบิกค่าใช้จ่ายตามข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้ขั้นตอนในการเข้าถึงพื้นที่ฉีดวัคซีนได้เร็วและครอบคลุมมากขึ้นด้วยอีกทั้งช่วยแบ่งเบาภารภิจที่เหน็ดเหนื่อยของทีมแพทย์ได้ด้วย
ภาพ โดย : จรูญ ทองนวล
ข่าว โดย : เนชั่นทีวี