วันที่ 12 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และสภ.เมืองกำแพงเพชร ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร ได้นำตัวนายสมศักดิ์ บุญยืน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 14 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ จ220/2564 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2564 ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านจำหน่ายข้าวสาร สิงห์โตทอง ตึก 7 ห้อง ห้องเลขที่ 2/4 ถนนราษฎร์ร่วมใจ (ติดโรงพยาบาลกำแพงเพชร ) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลังก่อเหตุบุกเดี่ยวเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน เป็นเงินสดไปได้จำนวน 550,000 บาท
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 20.40 น. ได้มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุงัดแงะประตูข้างตึกห้องครัวเข้าไปที่โต๊ะบัญชีในห้องทำงานและโต๊ะบัญชีที่อยู่หน้าร้านโดยคนร้ายสามารถกวาดทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินสดที่เก็บไว้ในลิ้นชักทั้ง 2 แห่งได้ธนบัตรรวมแล้วจำนวน 550,000 บาท ก่อนที่จะหลบหนีหายไป ซึ่งขณะที่คนร้ายก่อเหตุ นางกมลพรรณ สุนทรยิ้ม อายุ 64 ปี ได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องใกล้กับห้องบัญชี ซึ่งร้านข้าวสารดังกล่าวนั้นเป็นร้านจำหน่ายข้าวสารตราสิงห์โตทอง ของนายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร มียอดจำหน่ายวันละหลายแสนบาท โดยมีนางกมลพรรณ แม่ยายเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านแห่งนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรเกียรติ ศิริวิมลฤทธิ์ ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.อ.ปฏิภาณ ประภัสสร ผกก.กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.ท.เทวินทร์ นาจารย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.ท.พิษณุ แก้วขัน สว.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร ตั้งทีมไล่ล่าติดตามหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ ซึ่งในที่สุดพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดผู้ต้องหาเดินมาก่อเหตุ และนำไปสู่หลักฐานที่พักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งของผู้ต้องหาที่ไปเปิดเช่า และหลังจากก่อเหตุแล้วได้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ 1 เครื่อง ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเดินทางออกจาก จ.กำแพงเพชรในวันถัดไปคือ เช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยไปสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต จนถึงปลายทาง คือ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง โดยนำหมายศาลจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ไปจับได้ที่ห้างบิ๊กซี สาขาสระแก้ว โดยตั้งข้อหากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์”
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังจากพ้นโทษเรือนจำกลางกำแพงเพชรแล้ว ไม่มีรถเดินทางกลับ จ.สระแก้ว จึงได้ไปเปิดรีสอร์ทอยู่ หลังจากนั้นออกมาตระเวนหาเหยื่อเนื่องจากไม่มีเงินติดตัว และเมื่อพบร้านข้าวสารดังกล่าวก็ลงมือเข้าไปก่อเหตุทันที และหลังจากได้ทรัพย์สินแล้ว ได้เดินทางกลับ จ.สระแก้ว โดยนำเงินสดไปซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คันและเสื้อผ้า พร้อมกับเที่ยวเตร่ แต่ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับสารภาพว่านำเงินทั้งหมดไปซุกซ่อนไว้ที่ไหน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ติดตามคืนมาได้แค่เพียง 90,000 บาท และผู้ต้งหายังคงให้การว่า ไม่เคยตรวจนับจำนวนเงินว่าจะนำไปได้เท่าไหร่ และใช้ไปเท่าไหร่ ซึ่งผิดปกติของปถุชนทั่วไป จึงคาดว่าผู้ต้องหานั้นแอบซ่อนเงินไว้ เพราะรู้ว่าโทษน้อย เมื่อพ้นโทษแล้วจะกลับไปใช้ให้เปรมปรีดิ์อีกครั้ง
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จแล้ว ร.ต.อ.อดุลย์ รัตนวรกันต์ พนักงานสอบสวน สภ.มืองกำแพงเพชร ได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับประวัตินายสมศักดิ์ บุญยืน ต้องโทษหลายคดีโดยเฉพาะคดีลักทรัพย์ก่อเหตุถูกขังต้องโทษที่เรือนจำ จ.สระบุรี เรือนจำ จ.สระแก้ว เรือนจำอำเภอสีคิ้ว และล่าสุดเรือนจำกลางกำแพงเพชร โดยรวมติดคุกในคดีต่างๆเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี2564 ซึ่งหลังจากพ้นโทษที่เรือนจำจังหวัดกำแพงเพชร ไม่หลาบจำก็ก่อเหตุทันทีและในที่สุดก็หนีไปไม่พ้นมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องกลับเข้าไปรับโทษในเรือนจำอีกครั้ง
โดย พิพัฒน์ จงมีความสุข /กำแพงเพชร