svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แม่ค้าเปี๊ยะลาวา ครวญ เงื่อนไขสวัสดิการรัฐขุ่นมัว ส่อธุรกิจขยาด

11 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม่ค้าขายขนมเปี๊ยลาวา โวย ถูกเรียกเงินคืน ชี้ขายของออนไลน์ไม่ควรเป็นเรื่องผิดข้อตกลง ช่วงโควิดตลาดออนไลน์เป็นที่นิยม ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน พ่อค้าบางรายกังวลหลังมีข่าวเรียกเงินคืน เกรงจะรัฐจะมีการเรียกคืนภาษีย้อนหลังด้วย

จากกรณีเมื่อวาน โลกโซเชียลร้อนระอุ หลังมีการแชร์ภาพเอกสารของกระทรวงการคลัง ขอเรียกเงินคืนจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง ม.33 เราชนะ หลังพบเข้าข่ายทำผิดเงื่อนไข ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาก่อนร่วมโครงการ ทำให้พ่อค้าแม่ขายที่ได้รับผลกระทบแห่ออกมาโพสต์ภาพเอกสาร และแสดงความคิดเห็นมากมาย

 

วันที่ 11 ตุลาคม 2564  ล่าสุด ผู้สื่อข่าวยังลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนายพิทักษ์(สงวนนามสกุล)(เบลอหน้าไม่สวมแมส) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าที่ร้านจะไม่โดนเอกสารเรียกรับเงิน แต่ยอมรับว่ากังวล เพราะหลังจากที่มีข่าวออกเรียกรับเงินออกมาแบบนี้ ในอนาคตอาจจะมีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังด้วย ซึ่งถ้ารัฐเรียกเก็บภาษีในช่วงแรกที่เศรษฐกิจดี ก็พอรับได้ แต่ถ้ารัฐเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในช่วงนี้ ซึ่งขนาดมีโครงการรัฐ ลูกค้ายังคิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อไหม ทุกคนต่างประหยัดเงิน ไม่ยอมใช้จ่าย เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร 

 

การเรียกเงินคืนภายใน 30 วัน เรียกเก็บทั้งบัญชี ตนมองว่าไม่เป็นธรรมเพราะจะเอาเงินก้อนเยอะขนาดนั้นที่ไหนมาคืน รัฐต้องหามาตรการในการผ่อนปรน หรือทะยอยชำระมาช่วยพ่อค้าแม่ขายด้วย เนื่องจากเงินกำไรที่ได้ก็นำไปต่อยอดลงทุนไปแล้ว 

แม่ค้าเปี๊ยะลาวา ครวญ เงื่อนไขสวัสดิการรัฐขุ่นมัว ส่อธุรกิจขยาด

ส่วนเรื่องการเสียภาษี รัฐบาลต้องแจงให้ชัดว่า ถ้าเข้าร่วมโครงการของรัฐจนมีรายได้เท่าเพดานที่ต้องเสียภาษี เป็นอัตราเท่าไร ชี้แจงให้ชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้หากรัฐบาลออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอีกคงต้องคิดดูก่อน เพราะก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ ซึ่งหลังจากมีข่าวออกมาบางร้าน งดรับสแกนทุกโครงการของรัฐ เพราะไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ค้าขายของออนไลน์ ที่ถูกกระทรวงการคลังเรียกเก็บเงินคืน น้องดรีม แม่ค้าร้านขนมเปี๊ยะ dtwr.dessert ที่ขายขนมผ่านทั้งทางหน้าร้าน และ IG เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองและครอบครัวมีอาชีพขายของหลายอย่าง เช่น ขายกล่องพัสดุ และอุปกรณ์กันกระแทกในกล่องพัสดุ ขายขนมเปี๊ยะลาวา มีทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ ทำให้ใช้โทรศัพย์ในการเข้าร่วมโครงการ 3 บัญชี รวมมูลค่าที่รัฐบาลเรียกเก็บเงินคืน ประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากและไม่มีจ่ายคืน จึงได้ทำเรื่องขอยื่นอุธรณ์ไปแล้ว 

 

ทั้งนี้ ตนมองว่าการขายของออนไลน์ผ่านโครงการของรัฐบาล ไม่ควรเป็นสิ่งที่ผิดเงื่อนไข เพราะเป็นช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในช่วงแรกที่มีโครงการของรัฐ ลูกค้าก็มักจะถามว่าจ่ายคนละครึ่งได้ไหม ซึ่งพอตอบว่าไม่ได้ร่วมโคงการ ปรากฎว่าทั้งลูกค้าประจำและขาจรหายไปเกือบหมด หันไปซื้อคู่แข่งที่มีการร่วมโครงการ เพื่อความอยู่รอด เราก็ต้องร่วมโครงการด้วยเพื่อรักษาฐานลูกค้า หลังจากร่วมโครงการลูกค้ากลับมาเพิ่มมาขึ้น ดังนั้น จึงอยากให้รัฐมองว่าการขายของออนไลน์ก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐอย่างหนึ่ง ยิ่งในช่วงโควิดแบบนี้คนกันมาซื้อของออนไลน์เพิ่มมาขึ้น ลดการแพร่ระบาดด้วย จึงอยากให้รัฐช่วยสนับสนุนการขายออกไลน์แบบนี้ให้เหมือนกับการสนันสนุนเดลิเวอรี่ 

แม่ค้าเปี๊ยะลาวา ครวญ เงื่อนไขสวัสดิการรัฐขุ่นมัว ส่อธุรกิจขยาด

ส่วนที่มีการแลกรับเป็นเงินสด ตนรู้ว่าในส่วนนี้ผิดเงื่อนไขอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่าลืมว่า คนเฒ่า คนแก่ในต่างจังหวัด เขาใช้เทคโนโลยีไม่เป็น พวกเขาเหล่านี้ก็ต้องการแลกเป็นเงินสดไปใช้สอย สะดวกกว่า หรือรัฐจะโอนเงินสดให้ในรูปแบบเบี้ยคนชราก็ได้ ซึ่งการตรวจสอบบัญชีรับแลกเงินก็ง่าย เวลาจะเรียกรับเงินก็จะสแกนจ่ายในตัวเลย ในครั้งเดียว ซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ ไม่ใช่กวาดรวมแบบนี้

 

นอกจากนี้ เรื่องการเรียกเก็บทั้งบัญชี มันไม่เป็นธรรม เพราะอย่างตนมีหน้าร้าน จะมียอดเงินที่ได้จากการซื้อขายผ่านโครงการหน้าร้านด้วย ไม่ใช่ขายในออนไลน์อย่างเดียว ซึ่งรัฐต้องมีความชัดเจน หรือลงรายละเอียดในความผิดให้ชัดเจนและเป็นธรรมกว่านี้ ซึ่งในช่วงนี้หากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเข้ามา คงไม่เข้าร่วมแล้ว เพราะเกรงจะเกิดเหตุแบบนี้อีก

logoline