แกะรอยประเด็นดราม่า "พระมหาสมปอง" ทั้งปมการเมืองยันรีวิวสินค้า

คำพูดอัดอั้นตันใจของ “พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต” พระนักเทศน์ชื่อดัง แห่งวัดสร้อยทอง ที่ถ่ายทอดออกมา ระหว่างการไลฟ์สดเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นมี “พระมหาไพรวัลย์” และ “พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท” เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

โดย “พระมหาสมปอง” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือถึงองค์กรแห่งหนึ่งว่า “ให้ผมเรียน ผมก็เรียน ไม่รู้ว่าเรียนบาลีไปทำ…อะไร ขออนุญาตใช้คำแรง ผมก็เรียน ผมก็ท่อง ให้ผมทำอะไร ผมก็ทำ ไม่ให้ผมทำอะไร ผมก็ไม่พูด ให้ผมหยุด ผมก็หยุด ผมดื้อเหรอ ผมทำขนาดนี้ยังจ้องจับสึกผมคืออะไร ผมไม่ใช่ลูกพวกคุณเหรอ ผมไม่ใช่คนที่พวกคุณปั้นมาเหรอ คุณต้องการทำร้ายอะไรผม”

ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “พระมหาสมปอง” เคยเผชิญหน้ามา เพราะตลอดเส้นทางในวงการ “ผ้าเหลือง” พระนักเทศน์ชื่อดัง เคยแรงเสียดสีมานับครับไม่ถ้วน!!

หากจะย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เพียง 1 เดือน เมื่อช่วงวันที่ 9 ก.ย.2564 “พระมหาสมปอง” พร้อมคู่ดูโอ้อย่าง “พระมหาไพรวัลย์” ก็เคยถูกกดดันอย่างหนัก จากประเด็นดราม่าเรื่องการสอนธรรมะในรูปแบบโซเชียล พร้อมสอดแทรก “มุกตลกโบ๊ะบ๊ะ” แถมยังมีพฤติการณ์คล้าย “รีวิวสินค้า” อีกด้วย

ครั้งนั้นทาง “มหาเถรสมาคม” มีความเห็นว่า ให้อำนาจพระปกครองของพระทั้ง 2 รูป ในการตักเตือนการไลฟ์สอนธรรมะ ซึ่งเป็นการว่ากล่าวตักเตือนตามลำดับชั้น และยังมอบหมาบให้พระปกครอง เป็นผู้ให้คำแนะนำว่า ขอบเขตความเหมาะสมอยู่ในระดับใด เพื่อไม่ให้ขัดต่อพระธรรมวินัย

ขณะที่ “พระมหาสมปอง” และ “พระมหาไพรวัลย์” เข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีบทสรุปว่า พระนักเทศน์ชื่อดังทั้ง 2 รูป จะคงสัดส่วนการบรรยายธรรม ที่เป็นเนื้อหาธรรมะไว้ที่สัดส่วน 70% และลดเนื้อหาตลกขบขันอยู่ที่ 30 %

ส่วนเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2564 “พระมหาสมปอง” ถูกจับตาเข้มจาก “มหาเถรสมาคม” ภายหลังแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการทำงานของรัฐบาล ช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก รวมถึงเรื่องบรรยายในลักษณะเข้าข่ายประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาขายสินค้า (ปุ๋ยน้ำ) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ซึ่งผลจากการประชุมของ “มหาเถรสมาคม” ครั้งที่ 11/2564 มีมติเห็นว่า การกระทำของ “พระมหาสมปอง” เป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม จึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอน ให้ว่ากล่าวตักเตือน

ทั้งนี้หากไล่เรียงดูเหตุการณ์เมื่อปี 2563 ทาง “พระมหาสมปอง” ก็เคยตกเป็นประเด็นดราม่า 2-3 ครั้ง เช่น การนำรูปภาพตัดต่อ “เรือดำน้ำ” ที่มีเลข 999997 อยู่ด้านข้างตัวเรือ โดยบอกว่า ตรงกับหวยรางวัลที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563 พร้อมโพสต์เชิงเหน็บรัฐบาล ก่อนถูกทัวร์ถล่มอย่างหนัก

หรือจะเหตุการณ์ที่ “พระมหาสมปอง” ให้สัมภาษณ์รายการหนึ่งถึงคดี “น้องชมพู่” โดยตำหนิกลุ่มพระอวดอุตริ จนสร้างความไม่พอใจให้บุคคลบางกลุ่ม

แต่เหตุการณ์ที่เจ้าตัวโดนรุมถล่มหนักๆ คงเป็นเทปบึกทึกการบรรยายเมื่อต้นปี 2560 ซึ่ง “พระมหาสมปอง” พูดถึงเรื่องคดีของ “วัดธรรมกาย” จนสร้างความขุ่นเคืองให้กลุ่มศิษยานุศิษย์อย่างมาก

โดยครั้งนั้น “พระมหาสมปอง” พูดตอนหนึ่งว่า “วัดธรรมกายโดน 160 คดี โอ๊ย ข้างในก็มีแต่พระ มีแต่โยมไปปฏิบัติธรรมนะ นี่วัดหรือซ่องโจร หน้าตาก็ไม่โหด ทำไมคดีเยอะขนาดนั้น แล้วคดีต่างๆ น่ากลัวมาก คดีเจาะบาดาลไม่ขออนุญาต ว้ายร้ายแรงจังเลย เอาตำรวจไปล้อมเยอะๆ เจาะบาดาลไม่ขออนุญาต สร้างประตูกำแพงไม่ขออนุญาต คดีแบ๊วมาก ยกไปซะ 2 กองทัพเลย”

บางครั้งยังพูดพาดพิงไปถึง “ธัมมชโย” ว่า “มุมนึงก็ไม่อยากให้ทำอะไรท่านนะ ท่านแก่แล้ว แล้วก็ไม่สบายด้วย เห็นกล้องวงจรปิดมั้ย เค้าถ่ายให้ดูน่ะ ขาดำเมี่ยมเลยนะ เอามาตัดต่อไม่เนียนเท่าไหร่นะ เป็นเรื่องจริง แต่การที่เราถ่าย มันต้องตัดต่อก่อน ใครจะเอามาฉายกันทั้งดุ้นล่ะ ย้ายกล้องแล้วภาพมันเคลื่อนไหว มุมนึงถ้าท่านโดนจับไปก็ดีนะ ตำแหน่งเจ้าอาวาสที่แท้จริงก็จะว่างลง (หัวเราะ) อาตมาไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูงเลยนะ แต่ถ้าจังหวะชีวิตมันได้ล่ะก็ (หัวเราะ)...”

ฉะนั้นหากไล่ย้อนดูไทม์ไลน์บางส่วนที่ “พระมหาสมปอง” ได้ลุยฝ่ามาแล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลก หากพระนักเทศน์รูปนี้ คงไม่ยอมหวั่นไหวตามแรงกดดันอย่างแน่นอน ส่วน “น้ำตา” และเสียงสะอื้นที่หลุดออกมานั้น อาจเป็นการระบายความอัดอั้นที่เจ้าตัวอยากปลดปล่อยออกมาเท่านั้น??