svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

08 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศบค. แจง ยอดติดเชื้อเกินหมื่น พ้นระยะควบคุมโรคจากล็อกดาวน์แล้ว ย้ำมาตรการที่ใช้ คือ การฉีดวัคซีนครอบคลุมทุกพื้นที่ แนะ ปชช. การ์ดสูง ป้องกันแบบสูงสุดตลอดเวลา ระบุ เฟกนิวส์ mRNA ส่งผลต่อสุขภาพหลังฉีดใน 1-2 ปี วันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่ 11,140 ราย เสียชีวิต 116 ราย

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

8 ตุลาคม 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด ควิด-19 ประจำวันที่ 8 ต.ค. ว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 26 ของโลก ประเทศในเอเชียพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดียอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังกลาเทศ ไทย อัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 135,013 ราย สหราชอาณาจักร 117,745 ราย มาเลเซีย 70,347 ราย อินเดีย 24,274 ราย ไทย 24,127 ราย ฟิลิปปินส์ 23,629 ราย อินโดนิเซีย 15,241 ราย อัตราตายต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 2,190 ราย สหราชอาณาจักร 2,011 ราย มาเลเซีย 824 ราย อินโดนีเซีย 514 ราย ฟิลิปปินส์ 349 ราย อินเดีย 322 ราย และไทย 250 ราย

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 11,140 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 11,052 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 16 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,660,574 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,689,437 ราย หายป่วยแล้ว 9,933 ราย หายป่วยสะสม 1,534,364 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 116 ราย เสียชีวิตสะสม 17,440 ราย คิดเป็น 1.05 % ผู้ป่วยรักษาอยู่ 110,113 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 41,057 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 69,056 ราย อาการหนัก 3,003 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 682 ราย

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 11,140 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2,414 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 2,315 ราย จังหวัดอื่น 67 จังหวัด 6,323 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 72 ราย 

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

ฉีดวัคซีนรวม 58,298,700 โดส เข็มที่หนึ่งเพิ่มขึ้น 413,804 ราย สะสมรวม 34,188,488 ราย คิดเป็น 47.5 % ของประชากร เข็มที่สองเพิ่มขึ้น 454,491 ราย สะสมรวม 22,460,213 ราย คิดเป็น 31.2 % ของประชากร เข็มที่สามเพิ่มขึ้น 43,382 ราย สะสม 1,649,999 ราย คิดเป็น 2.3 % ของประชากร  ขณะที่ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนจำแนกตามจังหวัดและการได้รับวัคซีนตามเป้าหมายวันที่ 8 ตุลาคม พบว่าครอบคลุมกลุ่มประชากรทั้งหมดมากกว่า 50 % คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก เพชรบุรี ภูเก็ต ระนองส่วนการครอบคลุมประชากรทั้งหมด 40-49 % คือ นครปฐม ยะลา สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา กาญจนบุรี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี ตรัง ตราด ลำพูน และอุตรดิตถ์ ส่วนครอบคุมกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70 % คือกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในช่วงนี้ มีข่าวทางโซเชียลมีเดีย ที่เป็นข่าวปลอมว่าวัคซีน mRNA อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพใน1-2 ปี หลังการฉีด ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง วัคซีนมีการศึกษา วิจัยตามมาตรฐาน ประเทศผู้ผลิตมีกรฉีด ไปมากมาย ฉะนั้นไม่มีทางที่จะออกผลอันตราย ยืนยันว่า เรามีการศึกษาตรวจสอบเอกสารต่างๆ เป็นอย่างดี ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและขอให้ติดตามแหล่งข้อมูลจากทางการหรือข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ

ส่วนบางพื้นที่มีการแจ้งให้นักเรียนกลับ เพราะวัคซีนไม่พอ ยืนยันว่าวัคซีนสำหรับนักเรียนเพียงพอ การจัดส่งรอบแรก 1.8 ล้านโดส ได้จัดสรรลงพื้นที่ต่างๆที่แจ้งความจำนงเข้ามาจำนวน 3.6 ล้านคน เมื่อ 1.8 ล้านโดส ลงถึงพื้นที่ จะมีการจัดการทำแผนและทยอยฉีด ภายในสัปดาห์นี้จะมีการทยอยส่งอีก 5 ล้านโดส ขอให้มั่นใจว่าในการจัดการของพื้นที่ในบางครั้งอาจจะมีการนัดหมายมาเป็นลำดับตามความเหมาะสม ตามความพร้อม อาจจะไม่ได้ฉีดพร้อมกันหมดทุกคนได้ภายใน1-2 วัน หรือระยะเวลาสั้นๆ แต่ยืนยันว่าวัคซีนมีปริมาณเพียงพออย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้ขอย้ำว่าในการฉีดวัคซีนของนักเรียน ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะไปกำหนดว่าจะเปิดหรือไม่เปิดโรงเรียน เพราะมาตรการสำคัญได้มีการกำหนดแนวทางไว้ เช่น อยู่ที่โรงเรียนทำมาตรการได้ครบถ้วนหรือยัง ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุดมศึกษาฯ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้มีการพูดคุยและจัดทำเป็นแนวทางไว้แล้ว  เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา บุคลากรของโรงเรียนต้องได้รับการฉีดวัคซีนเกือบ 100 % ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะใช้ในการประกอบการพิจารณาเปิดโรงเรียน ไม่ใช่การฉีดวัคซีนนักเรียนได้เท่าไหร่ และทั้งหมดจะเป็นการบริหารจัดการในพื้นที่และดูถึงมาตรการดำเนินการได้ดีแล้วหรือยัง

 

สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด ดังนี้ กรุงเทพมหานคร 1,255 ราย ยะลา 776 ราย ชลบุรี 687 ราย นราธิวาส 592 ราย สมุทรปราการ 576 ราย ปัตตานี 503 ราย สงขลา 444 ราย นครศรีธรรมราช 395 ราย ระยอง 342 ราย จันทบุรี 284 ราย

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

ทั้งนี้ในกลุ่ม 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด พบว่า กรุงเทพฯ มีผู้ติดเชื้อจำนวน 1,255 ราย ลดลงเล็กน้อยจากวานนี้อยู่ที่ 1,279 ราย ขณะที่กลุ่ม 5 จังหวัดในภาคใต้ พบว่า 4 จาก 5 จังหวัดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น คือ ยะลา มีจำนวน 776 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้อยู่ที่ 740 ราย กลับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของประเทศอีกครั้ง เช่นเดียวกับ นราธิวาส อยู่ที่ 592 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้อยู่ที่ 332 ราย ปัตตานี อยู่ที่ 503 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้อยู่ที่ 281 ราย นครศรีธรรมราช อยู่ที่ 395 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้อยู่ที่ 313 ราย มี สงขลา เพียงจังหวัดเดียวที่ตัวเลขลดลง คือ อยู่ที่ 444 ราย ลดลงจากวานนี้อยู่ที่ 596 ราย แต่ยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศ

 

สถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้เข้าร่วมงานศพตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.-7 ต.ค.64 จำนวน 838 ราย โดยพบใน 30 จังหวัด จำนวน 87 งาน ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนเกิน 5 ราย มี 30 คลัสเตอร์ โดยคลัสเตอร์ พี่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี 148 ราย อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี 115 ราย อำเภอเบญจลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 108 ราย ปัจจัยหลักคือ การสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อยืนยันรายก่อนหน้าไม่สวมหน้ากากอนามัย โดยการรับประทานอาหาร/ ดื่มสุราร่วมกัน เล่นการพนันหลังงานศพ นอกจากนี้ในจังหวัดอื่นยังพบคลัสเตอร์ ทำป้าย ล้งเก็บผลไม้ โกดังเก็บสินค้า วงหมูกระทะ จ.ลำปาง แคมป์คนงานก่อสร้าง ร้านเบเกอรี่ หอพัก

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

ทั้งนี้ภาพรวมสถานการณ์ระดับโลกมีแนวโน้มลดลง แต่หากดูในหลายระเทศการแกว่งตัวยังมีอยู่หลายพื้นที่ บางประเทศมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง แต่ก็อาจมีการติดเชื้อรายใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นข้อเตือนใจสำหรับประชาชนว่ายังจำเป็นที่จะต้องยกการ์ดสูงอย่างต่อเนื่อง ใช้มาตรการแบบสูงสุดต่อไป สำหรับประเทศไทย ยังมีหลายคลัสเตอร์ งานบุญ งานศพ และช่วงนี้มีเทศกาลกินเจ ต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ทั้งนี้การระบาดในประเทศไทยแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะสามารถเปิดประเทศ และมีกิจกรรมต่างๆทางเศรษฐกิจ และการดำรงชีพของประชาชนได้อย่างดีต่อไป

 

เมื่อถามถึงการเดินทางโดยใช้บริการสายการบิน สามารถใช้บริการได้หรือไม่จะต้องตรวจ ATK หรือต้องฉีดวัคซีนครบหรือไม่อย่างไร นพ.เฉวตสรร ชี้แจงว่า เรื่องการเดินทางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศปก.ศบค. เห็นชอบการปรับมาตรการรับผู้โดยสาร บนอากาศยานตามความสามารถของแต่ละอากาศยาน ซึ่งคนที่จะเดินทางได้ต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์หรือครบสองเข็ม หรือจะต้องมีผลตรวจ ATK หรือ PCR ไม่พบเชื้อภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งในเรื่องการตรวจความพร้อม การคัดกรอง ตั้งแต่ก่อนเข้าพื้นที่ต้องมีความเคร่งครัดเข้มงวด หากไม่พร้อมหรือตรวจพบในข้อห้ามต่างๆ เช่น มีไข้ เข้าหลักเกณฑ์จะต้องมีเงื่อนไขไม่ให้เข้าใช้ในพื้นที่

 

ดังนั้นประชาชนต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่จะทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ สิ่งสำคัญคือการตรวจดูสุขภาพตัวเอง หากเจ็บป่วยต้องหลีกเลี่ยงการเดินทาง นอกจากนี้ในส่วนมาตรการอื่นๆ ที่ได้มีการกำหนดมาตรการไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มงวดในการไม่ให้มีการเดินไปมาบนเครื่องบิน จัดที่ให้ถูกต้องปรับระบบการระบายอากาศไม่มีการเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องบิน รวมถึงการลำเลียงคนไปขึ้นเครื่อง หรือกลับจากเครื่องเข้าพื้นที่ในส่วนของความหนาแน่นระยะห่างจะต้องมีความเข้มงวดด้วย ทั้งนี้ที่บอกว่าสามารถนั่งเต็มความสามารถในอากาศยานก็สามารถนั่งได้ตามตำแหน่งที่มีบนเครื่องอากาศยานนั้น

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

เมื่อถามว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเกิน 10,000 ราย มาเป็นวันที่สอง หลังจากที่มีมาตรการผ่อนคลาย ล่าสุดเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนี้อาจจะมี มาตรการผ่อนคลายเรื่อยๆ ศบค. จะมีการบริหารจัดการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า เมื่อวาน (7ต.ค.) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดว่าเรามาถึงทางแยก คือผลของการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาน่าจะหมดแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ตามภาพกราฟ หากเราไม่มีมาตรการที่ดีพอ ผู้ติดเชื้ออาจจะสูงขึ้น หากดำเนินการไม่ดีการติดเชื้อรายใหม่อาจจะสูงถึงวันละ 25,000-30,000 ราย

 

ทั้งนี้ขอเน้นย้ำมาตรการที่ใช้ หากเราฉีดวัคซีนกันได้กว้างขวางทุกพื้นที่ การป้องกันแบบครอบจักรวาล หรือสูงสุดตลอดเวลา ให้ถือเสมือนหนึ่งเราอาจจะเจอคนใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิด อาจจะมีเชื้ออยู่ในตัวหรือเราเองอาจจะเริ่มมีเชื้อ ดังนั้นการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ รวมถึงมาตรการต่างๆ ต้องเต็มที่อยู่ตลอด การตรวจ ATK  มาตรการสถานที่บริการ ที่สาธารณะและอื่นๆ มีมาตรการ Covid Free Setting ซึ่งสามารถดำเนินการตามมาตรการได้ เราจะได้เห็นการติดเชื้อที่ลดลงไปอาจจะน้อยลงไปถึงวันละ 5,000 ราย จึงฝากให้ประชาชน รวมถึงเป็นกำลังใจให้ประชาชนทุกพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจจะยังฉีดวัคซีนไม่ครบหรือครอบคลุมในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ จึงอยากเชิญชวนให้ออกมาฉีดวัคซีนกันให้มาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งจะทำให้มาตรการที่เอ่ยมาข้างต้นจะเข้มแข็งมากขึ้น

ศบค. แจง ยอดเกินหมื่นต่อเนื่อง เพราะหมดระยะควบคุมโรค ขอปชช.ระวังสูงสุด

logoline