7 ตุลาคม 2564 นายโรจนินทร์ บวรฐิติชัยรัฐ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายวรแสน ประสงค์ ปลัดป้องกัน , ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปะคำ เจ้าหน้าที่กองร้อย อส. และผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งใน ต.ปะคำ อ.ปะคำ เพื่อช่วยเหลือสองตา ยาย หลังจากนางนารีนาฎ แดนฟอร์ท อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวทำงานอยู่ที่รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งคลิปที่หลานชายวัย 15 ปี มีพฤติกรรมบังคับข่มเหงเอาเงินกับตา ยายไปซื้อยาบ้าเสพ ร้องเรียนผ่านสื่อให้ช่วยเหลือ
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามตา ยาย ก็ให้ข้อมูลว่าหลานมีพฤติกรรมก้าวร้าว ขู่บังคับขอเงินจริงครั้งละ 200 – 300 บาท บางครั้งก็อ้างว่าเอาไปเติมน้ำมัน ซื้อของบ้าง แต่จริงแล้วหลานเอาไปซื้อยาบ้าเสพทั้งที่รู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวหลานจะทำร้าย หากวันไหนไม่มีเงินให้หลานก็จะใช้มือตบหัว หรือบีบคอ บังคับให้ไปหาหรือยืมคนอื่นมาให้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านก็พบอุปกรณ์เสพยาเสพติดซุกซ่อนอยู่จึงได้ตรวจยึดไว้ และเมื่อสอบถามนายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหลานของสองตา ยาย ก็ยอมรับว่าได้เสพยาเสพติดจริงล่าสุดเพิ่งเสพเมื่อ 3 – 4 วันที่ผ่านมา โดยอ้างว่าซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอาร์ม ส่งไปบำบัดยาเสพติด พร้อมทั้งจะได้ขยายผล ผู้ที่นำยาเสพติดมาขายให้กับนายอาร์ม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการวีดีโอคอล สอบถาม น.ส.นารี ซึ่งเป็นลูกสาวของสอบตา ยาย ที่เป็นคนร้องเรียน บอกว่า ตนเองทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และมีครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นประมาณ 5 ปีแล้ว แต่ก็โทรศัพท์มาสอบถามข่าวคราวพ่อแม่ประจำ เมื่อประมาณ 2 ปีหลัง หลานสาวอีกคนได้โทรศัพท์มาบอกและส่งคลิปที่ นายอาร์ม ซึ่งเป็นลูกของน้องสาว ซึ่งปัจจุบันน้องสาวทำงานอยู่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อเสียชีวิต ชอบแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับตา ยาย โดยการใช้วาจาไม่สุภาพขู่บังคับเอาเงินกับยายบ่อยครั้ง หากยายไม่มีเงินให้ก็จะใช้มือตบหัว บางครั้งก็บังคับให้ไปยืมจากคนอื่นมาให้ ตาเห็นก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว ด้วยความเป็นห่วงพ่อ แม่จึงได้นำคลิปที่หลานส่งมาให้ ร้องเรียนผ่านสื่อ เพราะอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลานไปบำบัดรักษาให้หาย จะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติและดูแลตา ยาย
สอบถามนางสำเรียบ เพ็งจันทร์ อายุ 75 ปี ยายน้องอาร์ม ยอมรับว่า หลานชายมีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบขู่เอาเงินกับตา ยายตลอดครั้งละ 200 – 300 บาท ถ้าวันไหนไม่มีให้ก็จะใช้มือตบหัว บางครั้งก็บีบคอบังคับให้หาเงินมาให้ ถึงขั้นชำแหละชิ้นส่วนรถ และเอาข้าวเปลือกในยุ้งไปขาย จากพฤติกรรมของหลานก็คิดว่าน่าจะเอาเงินไปซื้อยาบ้าเสพ เพราะหลานชอบออกไปข้างนอก 4 – 5 ทุ่มค่อยกลับเข้าบ้าน ที่ผ่านมาตอบที่หลานบีบคอบังคับเอาเงิน ก็เคยแจ้งตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เอาตัวไปแต่ก็ปล่อยออกมาเหมือนเดิม เพราะเป็นเยาวชน
ด้านนายหมั่น เพ็งจันทร์ อายุ 82 ปี ผู้เป็นตา บอกว่า หลานชอบบังคับเอาเงินกับยายเป็นประจำ ให้ครั้งละ 30 – 40 บาท แต่หลานไม่พอใจบอกจะเอาครั้งละ 200 – 300 บาท จึงเชื่อว่าหลานเอาไปซื้อยาบ้าเสพ บางครั้งกลัวหลานจะทำร้ายยายจึงต้องบอกให้เอาข้าวเปลือกในยุ้งไปขาย เพื่อแก้ไขปัญหาไปก่อน เพราะไม่รู้จะทำยังไง เงินที่ลูกส่งมาให้ก็เก็บไว้กินอยู่ในครอบครัว ถึงหลานจะเป็นแบบนี้แต่ตนกับยายก็รักและเป็นห่วงหลาน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาตัวไปบำบัดและรักษาให้หาย อยากให้หลานกลับตัวกลับใจเป็นคนดี
ด้านนายโรจนินทร์ บวรฐิติชัยรัฐ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง บอกว่า นายอาร์ม มีประวัติการเข้ารับการบำบัดรักษาเรื่องยาเสพติด ทางโรงพยาบาลได้นำตัวไปบำบัด 1 ครั้ง และให้บำบัดเดือนละ 1 ครั้ง แต่นายอาร์มไม่ไปบำบัดถึง 3 ครั้ง และไม่ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน ส่วนที่ลูกสาวอยู่ต่างประเทศร้องขอความช่วยเหลือมานั้น เบื้องต้นก็ได้ประสานหลายภาคส่วนร่วมตรวจสอบ และนำตัวนายอาร์ม เข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งถือว่านายอาร์ม เป็นผู้ป่วยและยังเป็นเยาวชน ทั้งเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้านด้วย
โดย - สุรชัย พิรักษา