เมียนมาร์อ้างหนีตายเข้าไทย ช่องทางธรรมชาติระนอง

6 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะที่ทหารชุดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง จนมาถึงพื้นที่ช่องทางธรรมชาติ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างไทยกับเมียนมาได้ในช่วงน้ำลด ในพื้นที่ บ้านหาดตุ่น ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินลาดตระเวนสังเกตเห็นมีเรือพายพร้อมคนจำนวนหนึ่งพายเรือมาจากฝั่งประเทศเมียนมา และมีชายขับรถจักยายนต์ซึ่งคาดว่าเป็นคนไทยมาจอดรอ อยู่บริเวณจุดที่สามารถจอดเรือและขึ้นฝั่งได้ เจ้าหน้าที่ที่จึงได้ซุ่มดูพฤติกรรม

จนกระทั่งเรือพายลำดังกล่าวซึ่งพายมาจากประเทศเมียนมาเข้ามาจอดเทียบท่าทางช่องทางธรรมชาติจากฝั่งไทย จากนั้นคนขับรถจักยานยนต์ที่คาดว่าเป็นคนไทยเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดหมดจึงออกจากจุดที่ยืนเฝ้ามอง พร้อมแสดงตัวว่าเป้นเจ้าหน้าที่ของรัฐ สร้างความตกใจให้กับกลุ่มชาวเมียนมาและคนไทยที่นำรถจักยายนต์มารับ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทังหมดมาทำการสอบถามในเบื้องต้น

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นต้นพบว่าชาวเมียนมาที่นั่งเรือพายมามีจำนวนรวม 4 คนเป็นเด็กจำนวน 1 คนและคนไทยที่มารับอีกจำนวน 1 คนพร้อมรถจักยายนต์ สอบถามชาวเมียนมาทราบว่า ตนเองและครอบครัวรวบถึงหนูน้อยวัย 9 ปี ต้องเดินทางหนีออกจากประเทศเมียนมา สาเหตุจากในประเทศเมียนมาเจ้าหน้าที่มีการปราบปรามประชาชนอย่างหนักโดยเฉพาะพื้นที่รอบนอกตัวจังหวัด โดยเฉพาะคนที่อยู่ตามป่า อีกทั้งยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง

จึงคิดว่าน่าจะขนย้ายครอบครัวมาทำมาหากินในประเทศไทยโดยติดต่อเพื่อนชาวเมียนมาที่อยู่ในไทย ว่าสามารถช่วยเหลือได้แต่จะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดระนอง เมื่อมาถึงจะมีคนไทยขับรถจักยานยนต์มารับเพื่อนำไปพักในพื้นที่แห่งหนึ่ง เพื่อรอรถมารับอีกทอดในการนำตัวออกจากจังหวัดเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดที่ต้องการทำงานในประเทศไทย

ส่วนคนขับรถจักยานยนต์ทราบชื่อนาย สมมาตร ชู้แก้ว ชาว อ.กระบุรี อ้างว่าได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่เป็นชาวเมียนมาให้มารับชาวเมียนมาทั้ง 4 คนเข้าพื้นที่ โดยจะนำไปรอในพื้นที่จุดนัดพบ เพื่อรอรถที่มีนายหน้าคนไทยมารับอีกทอดหนึ่ง ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ทำเป็นครั้งแรกไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำพูดดังกล่าว จากนั้นนำทั้งหมดส่ง สภ.ปากจั่นดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมออกลาดตระเวนต่อเนื่องจากทราบว่าน่าจะมีการลักลอบในลักษณะนี้อีกหลายจุด

ภาพ/ข่าว โดย:
ไพโรจน์ รัตนรัตน์ จ.ระนอง