svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

จับหนุ่มตกงานเอาปืนปากกาจำนำพระ ฉุนถูกด่าเลยขโมยมือถือพระแทน 

04 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นนทบุรี-จับหนุ่มขโมยมือถือพระลูกวัดชมภูเวก 2 เครื่อง เจ้าตัวอ้างเดือดร้อนจะหาเงินไปซื้อข้าวกิน จะจำนำปืนปากกาพระแต่ไม่มีใครช่วยเลยจนต้องก่อเหตุ

วันที่ 4 ตุลาคม 2564  พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ต.บรรจบ ราชกิจ สว.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายธีระวัฒน์ หรือ เป้ โสภาวงศ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุลักโทรศัพท์มือถือของพระลูกวัดชมภูเวก จำนวน 2 เครื่องไปจากกุฎิไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่วัดชมภูเวก ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

จับหนุ่มตกงานเอาปืนปากกาจำนำพระ ฉุนถูกด่าเลยขโมยมือถือพระแทน 

ทั้งนี้สืบเนืองจากเมื่อวันที่ 3 ต.ค.64 เมื่อเวลา 19.50 น. ตามภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดสามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่ผู้ต้องหารายนี้ มีท่าทีพิรุธเดินไปมาอยู่ที่ชั้นล่างของกุฏิก่อนจะฉวยจังหวะวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วขโมยโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่อยู่ในกุฏิของพระวิทวัสอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหลบหนีออกจากวัดไป

จับหนุ่มตกงานเอาปืนปากกาจำนำพระ ฉุนถูกด่าเลยขโมยมือถือพระแทน 

หลังถูกจับกุมและนำตัวมาทำแผน ผู้ต้องหารายนี้ให้การรับสารภาพว่า ในวันที่เกิดเหตุตนมีความเดือดร้อนต้องใช้เงินและหิวข้าวเป็นอย่างมาก จึงได้เข้ามาที่วัดเพื่อจะนำปืนปากกาที่ตนมีอยู่มาใช้จำนำกับพระในวัด แต่ปรากฎว่าเมื่อตนเดินขึ้นกุฏิไปก็พบกับพระที่บวชใหม่ จึงขอร้องให้พระใหม่ช่วยรับปืนปากกาที่ตนจะขอจำนำไว้ในราคา 300 บาท แต่มีพระที่อยู่กุฏิเดียวกันกับพระใหม่มาเห็นเหตุการณ์เข้าเสียก่อน จึงห้ามปรามและโทรศัพท์เรียกตำรวจ ด้วยความตกใจที่ตนพกปืนปากกาอยู่ จึงเดินหลบออกจากกุฏิพระใหม่

ทั้งนี้พอออกมาก็มาสังเกตเห็นว่าที่กุฏิของพระวิทวัส เปิดไฟอยู่แต่ไม่มีคนอยู่ จึงตัดสินใจจะวิ่งขึ้นไปหาของกิน แต่ปรากฎว่าในกุฏิไม่มีใครอยู่และตนหันไปเห็นโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องเสียบสายชาร์จอยู่ ด้วยความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจึงตัดสินใจลักเอาโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องดังกล่าวไปจากกุฏิ จากนั้นจึงนำโทรศัพท์ไปขายต่อกับเพื่อนอีกคนหนึ่งได้เงินมา 400 บาท และมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาจับกุม

จับหนุ่มตกงานเอาปืนปากกาจำนำพระ ฉุนถูกด่าเลยขโมยมือถือพระแทน  ด้านพระวิทวัส ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนได้นำโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงรุ่น Note 10 กับ A 4 ชาร์จแบตไว้ในกุฏิของตนที่ชั้นสอง ก่อนจะลงไปทำธุระที่โบสถ์ จนกระทั่งเมื่อกลับมาถึงที่กุฏิก็พบว่าโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องที่ชาร์จทิ้งไว้ได้หายไปแล้ว จึงได้ไปตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดภายในวัดพบว่าเมื่อเวลาประมาณ 19.50 น. ผู้ต้องหารายนี้เป็นคนลงมือเข้าไปลักโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องของตนจริง จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายได้ในเวลาต่อมา 

ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าขโมยโทรศัพท์ไปขายด้วยความจำเป็นแล้วได้เป็นเงินมาเพียง 400 บาท ตนยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เพราะตนซื้อโทรศัพท์มือถือ Note 10 มาก็ราคากว่า 30,000 บาทแล้ว ถ้าจะขายต่อราคาก็ไม่น่าจะถูก เหลือแค่เพียง 400 บาทแน่นอน

 

ต่อมาหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหารายนี้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กุฏิภายในวัดพร้อมกับขอขมาพระสมุห์สุทธิพงษ์ เจ้าอาวาสวัดชมภูเวกและพระวิทวัส ผู้เสียหายเสร็จแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ขยายผลเดินทางไปยังจุดที่ผู้ต้องหารายนี้อ้างว่านำโทรศัพท์ไปขายต่อให้กับเพื่อนที่ย่านถนนกรุงเทพ - นนท์ ต่อไป

 

ข่าว/ภาพ-ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ  

logoline