4 ตุลาคม 2564 แรดขนยาวตัวใหญ่ที่มีนอขนาดมหึมา ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในทวีปยูเรเซียเหนือจนถึงเมื่อประมาณ 14,000 ปีก่อน และการสูญพันธุ์ของพวกมันเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันอย่างมาก เนื่องจากพบซากศพของพวกมันใกล้กับมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่ ทำให้เกิดคำถามว่าพวกมันสูญพันธุ์เพราะการล่าหรือไม่ แต่จาการวิเคราะห์จาก DNA ของแรดขนยาวที่พบทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย โดยนักวิจัยในปัจจุบันชี้ไปที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมากกว่า
Prof Love Dalén หนึ่งในนักวิจัยจาก Centre for Palaeogenetics ในสวีเดน กล่าวว่า การที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งมันทำให้เราต้องหันมาตระหนักถึงเรื่องความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ ที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน งานเขียนในวารสาร Current Biology ระบุว่า การมี DNA ของแรดขนยาวเพียงหนึ่งตัวที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 18,500 ปีที่ก่อน สามารถพาเราย้อนเวลากลับไปศึกษาช่วงเวลานั้นได้
โดยทีมนักวิจัย กล่าวว่า DNA ของมัน แสดงให้เห็นสัญญาณของการลดการขยายพันธุ์หรือลดความหลากหลายทางพันธุกรรม ขณะที่จำนวนประชากรของพวกมันก่อนหน้านี้คงที่มาหลายพันปีก่อนที่พวกมันจะสูญพันธุ์ไป ด้วยเหตุผลนี้มันจึงแสดงให้เห็นว่าการล่าของมนุษย์ไม่สามารถทำให้พวกมันสูญพันธุ์
มนุษย์นั้นอยู่อาศัยในทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรียอย่างต่ำ 30,000 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์มันไม่สัญญาณของการลดลงของจำนวนประชากรแรดขนยาวเลย และจากการตรวจสอบ DNA ของแรดขนยาวทั้งหมด 14 ตัว ที่มีอายุประมาณ 50,000 - 14,000 ปีที่แล้ว พบว่าพวกมันยังคงมีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูงอยู่ แม้ในช่วงเวลาที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ดังนั้น มันจึงมีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะต้องหายไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ ในเวลาไม่กี่ร้อยปี
Edana Lord ผู้ศึกษาเพิ่มเติม กล่าวว่า การสูญพันธุ์แรดขนยาวอยู่ในช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงขึ้นที่ถูกเรียกว่า Bølling–Allerød ที่อยู่ในช่วง 12,890 - 14,690 ปีที่แล้ว ดังนั้น มันจึงมีความเป็นไปได้ที่การสูญพันธุ์จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
Reference