1 ตุลาคม 2564 นายภาค วราธนานันท์ เจ้าของบริษัทวราธนานันท์ จำกัด อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า เรามองเห็นสภาพท่าเรือที่ถูกสร้างขึ้นในคลองรังสิตประยูรศักดิ์จากคลอง 1 ถึงคลอง 8 กลายเป็นโป๊ะตากแดด จำนวน 13 ท่า ต้องขอย้อนไปในอดีต สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปทุมธานีมีมติของบประมาณไว้ 27 ล้านแต่ถูกตัดไปเหลือ 22 ล้านเศษ วัตถุประสงค์ที่ขอไปนั้นเพื่อทำตลาดริมน้ำ ซึ่งตลาดริมน้ำตรงนี้ก็คือบริเวณประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ในอดีตนั้นบริเวณตรงนี้มีตลาดริมน้ำอยู่จึงต้องการให้สถานที่บริเวณนี้ย้อนกลับมาเป็นตลาดริมน้ำเหมือนในอดีต จะเห็นว่าประชาชนหรือชาวบ้านทั่วไปก็จะทำมาค้าขายกันที่บริเวณตลาดริมน้ำแห่งนี้
ปี พ.ศ.2555 นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้โยกงบประมาณตรงนี้ ไปสร้างท่าเรือริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์จากคลอง 1 ถึงคลอง 8 จำนวน 13 ท่า จอดเรือเพื่อต้องการวิ่งเรือจากกรุงเทพฯ เข้าไปถึงคลอง 8 ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดปทุมธานี ไม่เข้าใจกับการโยกงบประมาณไปในครั้งนั้น ต่อมาปี 2558 นายสุรชัย ขันอาสา ได้รื้อฟื้นโครงการดังกล่าว เพื่อจะให้มีการวิ่งเรือให้ได้ แต่ก็ต้องพับเก็บไปจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในชีวิตของตนเองนั้น เป็นเด็กรังสิตเติบโตมาจากรังสิตอยู่กับแม่น้ำลำคลองมาตลอด จะเอาเรือวิ่งจากกรุงเทพฯ ผ่านประตูน้ำตามคลองต่างๆได้อย่างไร ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากทุกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยความมีอำนาจเขาก็ทำไป จนกลายเป็นโป๊ะตากแดดอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ซึ่งน้ำในคลองนั้นมีความตื้นเพียง 1 เมตรครึ่ง โดยทางกรมชลก็ได้บอกเตือนไว้แล้ว ขอแจ้งเหตุผลให้ทราบว่า ถ้านำเรือที่มีใบพัดอยู่กลางลำ สมมุติว่าเรือกินน้ำไปสัก 50 เซนติเมตร ใบพัดของเรือก็กินลึกลงไปเกือบ 60 เซนติเมตร
ในขณะที่เรือกำลังวิ่ง ใบพัดก็จะปั่นเอาเศษขยะ เช่น ถุงพลาสติก หรือเศษวัสดุต่างๆ รวมทั้งตอหม้อสะพานเก่า ที่ยังหลงเหลืออยู่ ทุกอย่างนี้ใบพัดใต้ท้องเรือไม่สามารถที่จะทำงานได้อยู่แล้ว ซึ่งตนเองได้ทักท้วงไปแล้ว แต่ผู้มีอำนาจในขณะนั้นไม่ได้รับฟังเสียงคัดค้านจากประชาชนแต่อย่างใด คิดอยากจะทำอะไรก็ทำไป ตนเองรู้สึกว่าที่เสียภาษีไปนั้น นำไปใช้ประโยชน์ให้กับประชาชนได้เท่านี้หรือก็รู้สึกเสียดายที่เสียภาษีให้กับรัฐ
วันนี้ก็ฝากไปถึงผู้มีอำนาสูงสุด ของจังหวัดปทุมธานี อย่ามารอเกษียณไม่งั้นความเจริญของปทุมธานีไม่เกิดแน่ ถ้ารอเกษียณอย่ามาเลย ผมเสียดายภาษีที่เสียให้กับรัฐไป จะทำอะไรก็ได้ที่มันชอบธรรมและถูกต้อง อย่าไปคิดเรื่องประโยชน์ส่วนตัว
นายคิรากร สิงห์คง ชาวบ้านคลอง 8 เปิดเผยว่า นายอำเภอธัญบุรีกับผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีสมัยนั้น ได้คิดทำโครงการนี้ขึ้นมา ตนเองมองว่า เรือมันวิ่งไม่ได้อยู่แล้ว จากสภาพสิ่งแวดล้อมถ้าเกิดวิ่งไป จะทำให้ถนนรังสิต-นครนายก เลียบคลองรังสิตประยูรศักดิ์ พังทลายเนื่องจากคลื่นของน้ำ ประกอบถนนแห่งนี้ ไม่มีกำแพงกั้น มันก็จะส่งผลให้ดินริมตลิ่งพังทลายหมด ตนเองในฐานะชาวบ้านที่นี่ก็มองว่าไม่มีโอกาสที่จะวิ่งได้ ตอนเวลาคิดกันไม่คิดอ่านไม่ปรึกษา ไม่คิดที่จะวางแผนกันก่อน เวลามีอำนาจขึ้นมาอยู่ๆ คิดจะทำอะไรก็ทำเลยคนรุ่นเก่าๆ อย่างพวกผมปกตินั้น ก็ย่อมจะรู้ว่าเรือกับคลื่นของน้ำ ก็จะกัดเซาะริมตลิ่งพังทลาย ซึ่งคนที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา เขาก็น่าจะคิดออก ผมเสียภาษีไปก็ยอมเสียดาย ถ้าผมทำเงินหล่นหายไป 100 บาท ความรู้สึกนั้นต้องเสียดายแน่นอนแต่นี่งบตั้ง 22 ล้านบาท ใช่ไหม ใครจะมาพูดมาบ่นเอาอะไร นอกจากข้าราชการต้องไปตรวจสอบกันเองก็ว่ากันไป สำหรับผมก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนอะไรอีกแล้ว คนเป็นข้าราชการชั้นสูง ต้องมีวุฒิภาวะพออยู่แล้ว ตนเองมองว่าคนที่มีปัญญาไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร ตัวผมเองไม่มีปัญญาหรอกครับเพียงแต่บอกว่ามันไม่สมควรที่จะคิดอย่างนี้
ข่าวโดย อนันต์ วิจิตรประชา