27 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้าน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีว่ามีผู้พบ "อำพันทะเล" หรือ "อ้วกวาฬ" ลอยเกยตื้นริมหาด บริเวณหาดนิยม ต.ตะกรบ อ.ไชยา จึงไปตรวจสอบทราบผู้ที่พบอ้วกวาฬ คือ นายณรงค์ เพชรราช หรือ นายแมว อยู่บ้านเลขที่ 35/6 ม.3 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ชาวประมงพื้นบ้าน ได้นำก้อนอำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ออกมาให้ดู โดยห่อผ้าขนหนูและใส่ลังเก็บไว้เป็นอย่างดี เมื่อแกะออกดูพบว่า ลักษณะของก้อนอ้วกวาฬ เป็นก้อนไร้รูปทรง ด้านหนึ่งเป็นรูโพรงอากาศ มีเม็ดเล็กๆคล้ายทราย ส่วนอีกด้านเป็นผิวมันเรียบ ชั่งน้ำหนักประมาณได้ เกือบ30กิโลกรัม
นายณรงค์ เพชรราช เล่าให้ฟังว่า ตนมีอาชีพเป็นชาวประมงออกเรือหาปลาไปกลางทะเลเป็นประจำ วันที่พบอ้วกวาฬวันนั้นประมาณ ช่วงบ่าย กำลังจะเข้าฝั่งกลับบ้าน เห็นว่ามีก้อนอะไรลอยอยู่บริเวณริมหาด จึงเข้าไปดู พบว่าเป็นอ้วกวาฬที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงได้อุ้มขึ้นมาไว้บนขนำบริเวณหาดก่อน เมื่อเสร็จงานก็นำกลับบ้าน และบอกกับภรรยาและเพื่อนบ้านญาติพี่น้อง เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านที่นี่บางคนก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นหรือได้สัมผัสอ้วกวาฬของจริง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
จากนั้นจึงได้ปรึกษากับภรรยาและทีมงานว่าเป็นอ้วกวาฬของจริงหรือไม่ จึงได้ส่งให้ทางนักวิชาการ หาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตรวจพิสูจน์ดู ผลพิสูจน์ก็ออกมาว่าเป็นอ้วกวาฬ ของจริง รู้สึกตื่นเต้นดีใจและทำอะไรไม่ถูกและประกาศขายเพราะว่าได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นของแท้โดยได้รับหนังสือรับรองมาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เรียบร้อยหากใครสนใจอ้วกวาฬหรือ “อัมพันทะเล”ติดต่อได้ที่ คุณแมว โทร.061-734-6390
ทั้งนี้“อ้วกวาฬ”หรืออำพันทะเล เป็นผลผลิตจากการสำรอก หรือการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม (วาฬหัวทุย) เท่านั้น กระบวนการที่ก่อให้เกิด คือ การกินหมึกที่เป็นอาหารหลักเข้าไป จนเกิดการสะสมของคอเลสเตอรอลในลำไส้วาฬ ก้อนไขมันชนิดนี้ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลและไขมัน ร้อยละ 80 รวมถึงสารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์ เมื่ออ้วกวาฬถูกขับออกมาจากท้องของวาฬในตอนแรกนั้นจะมีกลิ่นคาวและกลิ่นมูลสัตว์ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งก็จะมีกลิ่นหอม
และด้วยความที่อ้วกวาฬเป็นของหายาก ราคาแพง ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหัวน้ำหอม ทำให้มีราคาแพง จนถูกขนานนามว่าเป็นทองลอยได้แห่งท้องทะเล จึงทำให้เกิดการเสาะหาของนักแสวงโชคและกลุ่มชาวประมง สามารถพบได้ตามชายหาด หรือกลางทะเล ซึ่งในอดีตมีการออกล่าวาฬสเปิร์ม เพื่อผ่าเอาไขมันชนิดนี้มาแล้ว ก่อนจะยุติจากกฎหมายคุ้มครองวาฬ
ภาพ/ข่าว โดย:
สุวรรณี บัณฑิศักดิ์ จ.สุราษฎร์ธานี