เปิดหนังสือกรมที่ดินปี55มัดรฟท.ละเว้นฟ้องคืนที่เขากระโดง

25 กันยายน 2564 จากปัญหาพิพาทที่ดินการรถไฟเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองจ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลฎีกา และมติป.ป.ช.ชี้ว่าที่ดิน 5,083 ไร่ เป็นของการรถไฟฯ บรรดาเอกสารสิทธิ์ที่ออกมาภายหลังถือว่าเป็นการออกทับที่ของการรถไฟฯประเด็นนี้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรและมีการเคลื่อนไหวของการรถไฟฯ เพื่อให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดและเอกสารสิทที่ออกโดยไม่ชอบ

อย่างไรก็ตาม มีการสืบค้นเอกสารพบว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2555 นายวานิตย์ อินทรักษ์รองอธิบดี ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน แจ้งเรื่อง ขอทราบความคืบหน้าการเพิกถอนโฉนดที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมสำเนาหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนมาก ที่ อส ๐๐๐๕/๔๔๐๓ ลงวันที่ 12 มิ.ย.2555  และสำเนารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง 

หนังสือ ดังกล่าวระบุว่า ตามที่ขอทราบผลความคีบหน้าของการดำเนินการ กรณรที่กรมที่ดินส่งเรืองให้ศาล

มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564หน้าสำรวจ 832 และ 112 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ตามความนัยมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบบรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรมที่ดินขอเรียนว่า ในการดำเนินการเกี่ยวกับการฟ้องหรือร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องราวดังกล่าวให้กรมที่ดิน ดำเนินการ

ปรากฎว่ากรณีนี้กรมที่ดิน ได้พิจารณา

ดำเนินการตามมาตรา 21 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว โดยมีความเห็นว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับ

ประกอนกับมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการฟ้องคดี เนื่องจากกรมที่ดิน มิใช่ผู้เสียหายในการที่จะฟ้องคดีต่อศาลจึงได้หารือแนะทางปฏิบัติต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ในประเด็นข้อซัดข้องดังกล่าว 

ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าในการดำเนินการฟ้องหรือร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกเพิกถอนสิทธิหรือเอกสารสิทธิ

ที่ได้อนุมัติหรืออนุณาตแก่บุคคลใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือผู้ได้รับความเดือดร้อนจะต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ข. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินทิพาททั้ง 2 ฉบับดังกล่าวต่อไป 

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องนำรายงานของคณะกรรมการ บ.ป.ช. ดังกล่าวเสนอต่อเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนพิจารณาดำเนินการก่อน และการที่อธิบดีกรมที่ดิน เห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินย่อมไม่มีผลกระทบต่อการที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะฟ้อง หรือร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่พิพาททั้ง 2 ฉบับ และไม่เป็นการโต้แย้งหรือขัดต่อหลักการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเหตุในการฟ้องร้องต่อศาลเป็นไปตามรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ปรากฎว่ากรณีนี้กรมที่ดิน ได้พิจารณา

ดำเนินการตามมาตรา 21 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว โดยมีความเห็นว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับ

ประกอนกับมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการฟ้องคดี เนื่องจากกรมที่ดิน มิใช่ผู้เสียหายในการที่จะฟ้องคดีต่อศาลจึงได้หารือแนะทางปฏิบัติต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ในประเด็นข้อซัดข้องดังกล่าว 

ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าในการดำเนินการฟ้องหรือร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกเพิกถอนสิทธิหรือเอกสารสิทธิ

ที่ได้อนุมัติหรืออนุณาตแก่บุคคลใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือผู้ได้รับความเดือดร้อนจะต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ข. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินทิพาททั้ง 2 ฉนับดังกล่าวต่อไป 

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องนำรายงานของคณะกรรมการ บ.ป.ช. ดังกล่าวเสนอต่อเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนพิจารณาดำเนินการก่อน และการที่อธิบดีกรมที่ดิน เห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินย่อมไม่มีผลกระทบต่อการที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะฟ้อง หรือร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่พิพาททั้ง 2 ฉบับ และไม่เป็นการโต้แย้งหรือขัดต่อหลักการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเหตุในการฟ้องร้องต่อศาลเป็นไปตามรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 

ส่วนการพิจารณาของอธิบดีกรมที่ดินเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นคนละสาเหตุไม่เกี่ยวข้องกัน กรมที่ดินจึงขอส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียนมาเพื่อโปรดทราบและขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการฟ้องร้องกับผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินทิพาททั้ง 2 ฉบับ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 94 พร้อมทั้งขอได้แจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงาน ป.ป.ช. ทราบโดยตรงต่อไป

หลังจากรับหนังสือ นายวิโรจน์ เตรียมพงส์พันธ์ รองผู้ว่าการกลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย สั่งการหัวหน้าสำนักงานอาณาบาล (หอบ.) หรือสำนักงานกฎหมายการรถไฟฯ ให้ดำเนินคดีฟ้องที่ดิน2 แปลง (นายชัย และนางกรุณา) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 แต่จนถึงปัจจุบันผ่านมาแล้วจะ 9 ปี การรถไฟฯ ยังไม่ฟ้องร้อง ดังนั้นผู้ว่าการรรถไฟทุกคนตั้งแต่ปี 2555 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 

นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 53 บัญญัติว่า รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หมายความว่ารัฐตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายสูงสุดของประเทศมาตรานี้ในกรณีละเว้นจึงเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157