วิเคราะห์โอกาส "ทักษิณ" กลับไทย พบคดีจำคุกรอดับฝันอื้อ

เข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว สำหรับเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 แม้บุคคลบางกลุ่ม จะมองว่า ณ วินาทีนั้น การตัดสินใจของคณะ “คปค.” ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “คมช.” นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น “คำตอบที่ดีที่สุด” เพราะทางเลือกมีไม่มากนัก

แต่อีกบางมุมเชื่อว่า การ “ตัดตอน” ประชาธิปไตย กลายเป็น “ผลไม้พิษ” ที่ยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นข้ามกาลเวลามาถึงปัจจุบัน??

ซึ่งตัวละครหลักในหนังการเมืองเรื่องยาว อย่าง “ลุงแม้ว” ทักษิณ ชินวัตร หรือที่รีแบรนด์ใหม่เป็น “พี่โทนี่” เป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากเหตุการณ์ถูกยึดอำนาจครั้งนั้น

แม้ช่วงหลัง “ทักษิณ” จะพูดเรื่อง “กลับบ้าน” ผ่านคลับเฮาส์มากขึ้น ซึ่งในโลกความเป็นจริง เจ้าตัวสามารถกลับประเทศไทยได้ทุกเมื่อ แต่อาจมีสถานะเป็น “จำเลย” หรือ “นักโทษ” ตามคำพิพากษา

โดยปัจจุบัน คดีความของ “ทักษิณ” ถูกฟ้องในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งสิ้น 8 คดี ซึ่งมีหลายคดี ที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว โดยไม่รอลงอาญา และแม้บางคดีหมดอายุความตามกฎหมายเก่า แต่ตามกฎหมายใหม่ กำหนดให้หยุดนับอายุความ จนกว่าจะได้ตัวผู้ต้องคำพิพากษากลับมารับโทษเท่านั้น!!

สำหรับ 8 คดีดังกล่าว ประกอบด้วย

1.คดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง “ทักษิณ” และ “พจมาน ดามาพงศ์” อดีตภริยา เป็นจำเลยคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ซึ่งคณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้อดีตนายกฯ กระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ให้ยกฟ้องจำเลยอีกคน

คดีนี้ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แต่สถานะคดี “ทักษิณ” ไม่ต้องรับโทษแล้ว เพราะหลบหนีคดีเกิน 10 ปี เลยระยะเวลาที่จะลงโทษได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 หรือเรียกว่าหนีสุดซอยจนขาดอายุความ

2.คดีร่ำรวยผิดปกติ ขอให้ริบทรัพย์สิน 7 หมื่น 6 พันล้านบาท พร้อมดอกผลที่ได้มาจากการขายหุ้น “ชินคอร์ป” หรือบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่ม “เทมาเส็กโฮลดิ้ง” ของสิงคโปร์ ซึ่งศาลฎีกาฯ มีมติว่า “ทักษิณ” ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ เอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปฯ ทำให้มีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติจนรัฐเสียหาย 

นอกจากนี้ยังมีมติให้ยึดทรัพย์สินในชื่อ “ทักษิณ” และคนในครอบครัว รวม 4 หมื่น 6 พันล้านบาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน โดยฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แต่ที่ประชุมใหญ่ไม่รับคำอุทธรณ์ เพราะไม่มีหลักฐานใหม่ ที่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ

3.คดีออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือที่เรียกว่า “คดีหวยบนดิน” คดีนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 ตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีถึงที่สุด ให้ออกหมายจับ โดยไม่หมดอายุความ และอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะไม่ได้มาศาลด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายใหม่

4.คดีอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของเอ็กซิมแบงก์ โดยอนุมัติเงินกู้ให้กับรัฐบาลเมียนมา วงเงิน 4,000 ล้าน เอื้อประโยชน์ธุรกิจดาวเทียมบริษัท “ชินแซทเทิลไลท์” และบริษัทในเครือตระกูลชินวัตร

คดีนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีถึงที่สุด ให้ออกหมายจับ โดยไม่หมดอายุความ และอุทธรณ์ไม่ได้

5.คดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อประโยชน์ธุรกิจ “ชินคอร์ป” ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท คดีนี้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ.2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม)

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยจำคุกรวม 5 ปี ไม่รอลงอาญา คดีถึงที่สุด ออกหมายจับ โดยไม่หมดอายุความ และอุทธรณ์ไม่ได้

6.คดีให้ศาลวินิจฉัย “ทักษิณ” จงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ คดีนี้ศาลให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และให้ออกหมายจับมาดำเนินคดี  

7.คดีบริหารแผนฟื้นฟู “ทีพีไอ” มิชอบ คดีนี้ศาลยกฟ้องและคดีถึงที่สุด เนื่องจากองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง

8.คดีทุจริตปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้บริษัทในเครือของ “กฤษดามหานคร” ศาลยกฟ้อง คดีถึงที่สุด เนื่องจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้อุทธรณ์

นอกเหนือจากคดีความในชั้นศาลฎีกาฯ แล้ว “ทักษิณ” ยังปรากฏชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีสำคัญ ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.คือ คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อต 2 สมัยรัฐบาล “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังสั่งการ

ล่าสุดมีรายงานจาก ป.ป.ช.ว่า มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ คดีที่ “ทักษิณ” และพวกอีก 4 คน สั่งซื้อเครื่องบิน ของการบินไทย ระหว่างปี 2545-2547 และปี 2554 ที่ไม่คุ้มค่า และทำให้การบินไทยมีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้น

เมื่อบวกลบคูณหาร หาก “ทักษิณ” กลับมาแบบไม่มี “ดีลพิเศษ” อาจต้องก้มหน้ายอมรับโทษตามคำพิพากษาคดีเหล่านี้ ที่มีโทษจำคุกนับนิ้วรวมกันมากกว่า 10 ปี ซึ่งตรงนี้สามารถติ๋งต่างเอาเองได้ว่า อดีตนายกฯ คงไม่ถูกใจแน่นอน...