svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ไทยส่งออก ขายออนไลน์ปี 2564 ทำรายได้พุ่ง 1.2พันล้าน

17 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Thaitrade เผยตัวเลขสินค้าส่งออก ผ่านการซื้อขายออนไลน์ ทำยอดรวม 9,767 ล้านบาท คาดหมายปี 2565 ทะยานสู่ 12,000 ล้านบาท สหรัฐอเมริกายอดซื้อติดอันดับ 1 หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ยอดนิยม และ “ทุเรียนแช่แข็ง” ยังแป็นแชมป์

17 กันยายน 2564 Thaitrade เว็บไซต์การค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ โดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่รวบรวมสินค้าส่งออกคุณภาพของไทย เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงผู้ซื้อทั่วโลก  และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับคู่ค้าจากทั่วโลกในการค้นหาสินค้าที่ต้องการจากประเทศไทย ได้สรุปภาพรวมการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ว่า

 

วัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าสำหรับผู้ส่งออกไทยภายใต้แนวคิดที่จะรวมสินค้าส่งออกของไทยไว้ในตลาดการค้าออนไลน์ และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับคู่ค้าจากทั่วโลกในการค้นหาสินค้าที่ต้องการจากประเทศไทย

 

มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 - 2564  ปัจจุบัน สร้างมูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,767 ล้านบาท 

 

โดยปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา  มีมูลค่าซื้อขายรวม  1,790.85 ล้านบาท  ส่วนปี พ.ศ. 2564 (ม.ค.-ส.ค.64)  มูลค่าซื้อขายรวม 1,272.22 ล้านบาท 

 

สำหรับความคาดหมายในปี พ.ศ. 2565 นี้ Thaitrade ตั้งเป้าหมายว่าการซื้อขายออนไลน์น่าจะทะยานพุ่งสูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายราว 12,000 ล้านบาท

ไทยส่งออก ขายออนไลน์ปี 2564 ทำรายได้พุ่ง 1.2พันล้าน

 

เมื่อเจาะข้อมูลผู้ซื้อชาวต่างชาติจำนวน 216,533 ราย 

พบว่ามี ยอดผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ เรียงตามลำดับ ดังนี้

อันดับ 1  สหรัฐอเมริกา  มูลค่า 251.54 ล้านบาท  คิดเป็น 14.05%  สินค้าที่นิยมได้แก่ ทุเรียนแช่แข็ง, น้ำจิ้มสุกี้, ข้าวหอมมะลิ

อันดับ 2  เวียดนาม  มูลค่า 172.35 ล้านบาท  คิดเป็น 9.63%  สินค้าที่นิยม ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์, ขนมบิกิต, ข้าว

อันดับ 3  อังกฤษ  มูลค่า 148.01 ล้านบาท  คิดเป็น 8.27%  สินค้าที่นิยม ได้แก่ เครื่องหอม, น้ำจิ้มสุกี้, สับปะรดกระป๋อง

อันดับ 4  อียิปต์ มูลค่า  89.08 ล้านบาท  คิดเป็น 4.97%  สินค้าที่นิยม ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์, ทูน่ากระป๋อง

อันดับ 5  สาธารณรัฐประชาชนจีน  มูลค่า 86.83 ล้านบาท  คิดเป็น 4.85% สินค้าที่นิยม ได้แก่  น้ำมะพร้าว, ทองม้วน, หมอนยางพารา

 

รายการสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด เรียงลำดับ ดังนี้ 

อาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 957.66 ล้านบาท คิดเป็น 53.48%  

อะไหล่รถยนต์ มูลค่า 257.73 ล้านบาท คิดเป็น 14.39%   

สินค้าอุปโภคบริโภค  มูลค่า 169.29 ล้านบาท  คิดเป็น 9.45%  

สินค้ากีฬาและความบันเทิง  มูลค่า 28.01 ล้านบาท  คิดเป็น 1.56%  

และ สินค้าเกษตร มูลค่า 24.92 ล้านบาท คิดเป็น 1.39%

 

ไทยส่งออก ขายออนไลน์ปี 2564 ทำรายได้พุ่ง 1.2พันล้าน

ส่วนสมาชิกผู้ขายบนเว็บไซต์ Thaitrade.com จำนวนทั้งหมด 25,602 ราย มีสินค้ารวมทั้งสิ้น 184,729 รายการ แบ่งตามภูมิภาคต่างๆ ดังนี้

 

 - ภาคเหนือ จำนวน 972 ราย  สินค้าที่นิยม ได้แก่ เครื่องเรือนทำด้วยไม้, น้ำผึ้งดอกลำไย, ข้าวโพดกระป๋อง

 

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 846 ราย สินค้าที่นิยม ได้แก่ น้ำมันดาวอินคา, น้ำจิ้มสุกี้, กะทิกระป๋อง

 

- ภาคกลาง จำนวน 19,757 ราย  สินค้าที่นิยม ได้แก่ ชิ้นล็อคยางอะไหล่, เครื่องหอม, ข้าวหอมมะลิ

 

- ภาคตะวันออก จำนวน 1,418 ราย สินค้าที่นิยม ได้แก่ อะไหล่ยานยนต์, ข้าว, หมอนยางพารา

 

- ภาคใต้ จำนวน 788 ราย  สินค้าที่นิยมได้แก่ เนื้อปู

 

- ภาคตะวันตก จำนวน 366 ราย  สินค้าที่นิยมได้แก่ ลูกเดือยอบแห้ง

 

เป็นการซื้อขายแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ที่เน้นการซื้อขายสินค้าล็อตใหญ่ ส่วนบริการการค้าออนไลน์แบบขายปลีก (B2C)  หรือ  Thaitrade.com SOOK  ก็สามารถทำมูลค่าซื้อขายรวม  1,477,205 บาท 

 

สินค้าที่ขายดี ได้แก่

1. ชาเขียว ชาคาโมมายด์ 

2. ขนมขบเคี้ยว/มะม่วงอบแห้งและทุเรียนแช่แข็ง 

3. สินค้าสุขภาพและความงาม  

 

จำนวนผู้ซื้อชาวต่างชาติที่มีการสั่งซื้อสินค้าสูงสุดเรียงตามลำดับ ได้แก่ ออสเตรเลีย  คูเวต  และ บรูไน 

 

ไทยส่งออก ขายออนไลน์ปี 2564 ทำรายได้พุ่ง 1.2พันล้าน

 

สำหรับการเจรจาจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching : OBM) เมื่อปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา ประมาณการยอดขายรวม 14,475.90 ล้านบาท  และในปี พ.ศ.2564 ตั้งเป้าประมาณการยอดขายจากการเจรจาจับคู่ธุรกิจอยู่ที่ 15,905.19 ล้านบาท  มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจจำนวน 116 ครั้ง   คู่เจรจารวม 3,507 คู่ 

 

ทั้งนี้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจที่ได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่ ม.ค.- ส.ค.64  สร้างยอดขายได้ทั้งสิ้น 11,494.25 ล้านบาท มีผู้นำเข้า 1,047 ราย  ผู้ส่งออก 1,709 ราย  ผ่านการเจรจาจับคู่ธุรกิจจำนวน 59 ครั้ง เจรจาจับคู่ธุรกิจได้ทั้งสิ้น 3,745 คู่  

 

ซึ่งแผนการดำเนินการต่อไประหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค.64  นี้ ประมาณการยอดขายรวม 3,625 ล้านบาท  ผ่านการเจรจารวม 37 ครั้ง จับคู่เจรจา 630 คู่

 

โดยข้อมูลเชิงลึกจากการเจรจาจับคู่ธุรกิจพบว่า ภูมิภาคเอเชียมีมูลค่าการเจรจาจับคู่ธุรกิจสูงสุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 8,506.32 ล้านบาท โดยเป็นผู้นำเข้า 834 ราย  และผู้ส่งออก 1,268 ราย 

 

ส่วนประเทศที่มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจสูงสุด คือประเทศจีน  รองลงมาคือ อินเดีย  ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น  ฮ่องกง  เกาหลีใต้  เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ

 

สินค้าที่ได้รับการรับความนิยมจากการเจรจาจับคู่ธุรกิจ อันดับหนึ่ง คือ อาหาร ทำยอดขายรวม 3,843.17 ล้านบาท อันดับสอง คือ ผลไม้ ทำยอดขายรวม 3,298.34 ล้านบาท  อันดับสามสินค้าฮาลาล  ยอดขายรวม 179.72 ล้านบาท  อันดับสี่ สินค้าเครื่องมือแพทย์ ยอดขายรวม 119.46 ล้านบาท  

 

ในขณะที่ภูมิภาคยุโรป อเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง มียอดการเจรจาซื้อขายจับคู่ธุรกิจรวมทั้งสิ้น 2,987.93 ล้านบาท เป็นผู้นำเข้า 213 ราย และ ผู้ส่งออก 441 ราย  โดยยุโรปมีมูลค่าการซื้อขายรวม 361.6 ล้านบาท  อเมริกาเหนือ  237.62 ล้านบาท  ลาตินอเมริกา 164.42 ล้านบาท  ตะวันออกกลาง  815.24 ล้านบาท  และ แอฟริกา  1,409.05 ล้านบาท  สินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สินค้าฮาลาล ยอดขายรวม 2,160.23 ล้านบาท

 

อาหาร ยอดขายรวม  329.63 ล้านบาท ผลไม้ ยอดขายรวม 180.32 ล้านบาท  ชิ้นส่วนยานยนต์  ยอดขายรวม 60.46 ล้านบาท  เครื่องมือแพทย์ ยอดขายรวม 18.25 ล้านบาท และ สินค้าอื่น ๆ ยอดขายรวม 239.04  ล้านบาท

 

logoline