รัฐบาลเอาไง? ยุทธศาสตร์ชาติไทย “สู้” หรือ “อยู่กับโควิด”

1.จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไม่เคยประกาศยุทธศาสตร์ประเทศเรื่องโควิด ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป

-จะเลือก "อยู่กับโควิดให้ได้" เหมือนหลายๆ ประเทศ เช่น สิงคโปร์ อังกฤษ

-หรือจะเลือกคลายล็อก สลับล็อกดาวน์ เป็นระยะตามสถานการณ์ เหมือนกับที่ไทยเคยทำมาแล้ว รวมไปถึงออสเตรเลีย กับอีกบางประเทศ รัฐบาลเลือกแนวทางไหน ต้องประกาศให้ชัด เพื่อให้ประชาชน ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเลือก

2.ถ้ารัฐบาลเลือกจะอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ เหมือนที่นายกฯเคยประกาศไว้ แต่ยังไม่ชัดเจน ประเด็น คือ คนไทยต้องทำตัวอย่างไร รัฐบาลต้องประกาศออกมาให้ชัด เช่น

-ต่อไป ATK จะเต็มประเทศ แจกฟรี ใครเสี่ยงก็รับไปตรวจ ตรวจเสร็จถ้าติดเชื้อ ก็กักตัวอยู่บ้าน รัฐบาลส่งยาให้รับประทาน ทั้ง ฟ้าทะลายโจร และฟาวิพิราเวียร์ หรือยาประเภทอื่น

-ระบบหลักจะใช้ Home Isolation หรือไม่ ถ้าใช่ รัฐบาลก็ต้องสร้างระบบนี้ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ส่วนใครที่ใช้ Home Isolation ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องมีช่องทางประสานกับหน่วยงานรัฐ เพื่อส่งตัวเข้าระบบสถานพยาบาล

-หลักเกณฑ์ในการใช้ชีวิตจะเป็นอย่างไร เช่น เข้าสถานที่ทุกแห่ง นอกเหนือจากที่ทำงาน และบ้านที่ต้องไปเป็นประจำ ต้องมีผลตรวจ ATK ในรอบกี่วัน ต้องมีใบรับรองฉีดว้คซีนกี่เข็ม

-รัฐบาลต้องทำประชาสัมพันธ์ และมี facility รองรับการดำเนินชีวิต "วิถีใหม่" ของประชาชน ไม่ใช่ปล่อยลอยตามกระแส ทำเป็นดีใจเมื่อตัวเลขติดเชื้อลดลง แต่ไม่รู้จะดีดสูงขึ้นวันไหน

ขณะที่ ศบค.ควรปรับบทบาทใหม่ ไม่ใช่มุ่งแถลงแต่ตัวเลขติดเชื้อ ซึ่งแทบไม่มีใครสนใจ และไม่มีนัยสำคัญอะไรแล้ว หากจะอยู่ร่วมกับโควิด ควรแถลงแนวทางการดำเนินชีวิตควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังโควิดอย่างไร จะดีกว่า

3.ถ้ารัฐบาลเลือกแนวทาง "สั่งล็อก - คลายล็อก" ก็ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ ประชาชนจะได้ระมัดระวังเรื่องการลงทุน การใช้จ่าย การเดินทาง เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบกับมาตรการของรัฐในอนาคต

โดยเฉพาะร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ บางอาชีพ บางกิจการ อาจจะต้องปิดยาว รัฐก็ต้องวางระบบงบประมาณมาช่วยเหลือเยียวยา หรือสนับสนุนให้เปลี่ยนประเภทธุรกิจใหม่ โดยรัฐต้องมีศักยภาพในการแนะนำและช่วยเหลือ

ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ยังขาดของรัฐบาลลุงตู่ ที่ดูจะทุ่มเทเวลาไปกับการปราบกบฏ และแก้ปัญหา "นายกฯขาลอย" จนคนไทยมีแค่ความหวังเลื่อนลอย แลหวาดกลัวว่าโควิดระลอก 5 จะกลับมา