พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯ กทม. และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชี้แจง ว่า การกระจายชุดตรวจ ATK ให้กับประชาชนได้ตรวจเอง โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นนโยบายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ต้องการใช้กลไกลให้กลุ่มเสี่ยงได้ตรวจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะข้อมูลของกระทรวงสาธารณะสุขและผลการวิจัย พบว่า การให้กลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง จะเป็นส่วนช่วยทำให้การค้นหาผู้ติดเชื้อและแยกกักตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการจัดหาชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชิ้น เตรียมจะกระจายไปยังหน่วยบริการทุกหน่วยเพื่อกระจายต่อให้ประชาชน
โดยการกระจายชุดตรวจ จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. กทม. จ่ายผ่านศูนย์บริการสาธารณสุข อาสาสมัคร และบุคลากรในกรุงเทพมหานคร ที่จะกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมาย ใน ชุมชนแออัด ตลาด 2. ศูนย์บริการกรุงเทพมหานคร และหน่วยบริการในสังกัด กทม. และ 3. ร้านขายยาในกรุงเทพมหานคร
เมื่อตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อ ศูนย์บริการต่างๆในกรุงเทพมหานครและศูนย์บริการในสังกัด ก็จะประสานนำเข้าระบบ Home isolation หรือการกักตัวที่บ้านและ Community isolation หรือการกักตัวในชุมชน และทางกรุงเทพมหานครมีความมั่นใจ ว่า ในระบบต่างๆจะมีความพร้อมเพื่อบริการให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการ กระจายยาที่จำเป็น เช่น ฟ้าทลายโจร และ ยาฟาวิพิราเวียร์ ได้อย่างทั่วถึง โดยจะเริ่มในวันที่ 16 กันยายน นี้ ในการกระจายชุดตรวจ ATK 2.3 ล้าน ชิ้นให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวนคนละ 2 ชุด
หากประชาชนยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ ขอให้ติดต่อหน่วยบริการใกล้บ้าน หรือหน่วยแจก ATK เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข ร้านขายยา หรือโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 หรือกรอกข้อมูลได้ที่ https://crmsup.nhso.go.th/ หรือเข้าทางไลน์ โดยเพิ่มที่ @nhso กดเมนูลงทะเบียนระบบดูแลที่บ้าน
สำหรับ ผู้ที่ต้องการรับ ATK ขอให้ประเมินความเสี่ยงผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง คลินิกชุมชนอบอุ่น ร้านขายยา โดยจะได้รับชุดตรวจ 2 ชุด ใช้ตรวจในระยะเวลา 10 วัน แต่หลังจากนั้น หากพบว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงอีก เช่น คนในบ้านติดเชื้อ เพื่อนบ้านติดเชื้อ ก็สามารถขอรับชุดตรวจได้อีก
พล.ต.ท.โสภณ " กรุงเทพมหานคร จัดชุดตรวจ ATK 2.3ล้าน ชิ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยจะเริ่มกระจายชุดตรวจในวันที่ 16 กันยายนนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายแรกจะเป็นประชาชนในชุมชนแออัด โดยมีโควต้าในล็อตแรก 210,000 คน โดยช่องทางในการแจกจ่าย คือ อาสาสมัครสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร ส่วนเป้าหมายที่ 2 คือ พื้นที่เสี่ยง เช่น ตลาด จัดสรรให้ 205,000 คน /ขนส่งสาธารณะ 220,000 คน / ร้านเสริมสวย 10,000 คน ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา 150,000 คน / ร้านนวดสปา 28,000 คน โดยจะมีช่องทางในการแจกจ่ายผ่านไปยังสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานครและศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร"