svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

นพ.สุภัทร เผย "เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

13 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นพ.สุภัทร ประธานชมรมเเพทย์ชนบท เผย เด็กคือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19 ชี้ ควรเร่งฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เพราะเป็นวัคซีนตัวเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเด็ก 12-18 ปี

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์เรื่องราวผ่านทางเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยครั้งนี้ คุณหมอได้หยิบยกประเด็นเด็กคือช่องโหว่ของการควบคุมโรคโควิด โดยนำประสบการณ์ของโรงพยาบาลจะนะในช่วงสองเดือนหลังซึ่งมีการระบาดต่อเนื่อง โดยระบุว่า พบว่ามีเด็กติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากขึ้น

 

จากสถิติของผู้ติดเชื้อโควิดในจะนะ พบว่า กลุ่มเด็ก 10-19 ปีมีสัดส่วนการติดเชื้อสูงสุด คือ 17.4% ของทั้งหมด ในขณะที่กลุ่มเด็ก 0-9 ปี มีสัดส่วนกาติดเชื้อ 15.1 % รวมแล้วในกลุ่มเด็ก 0-19ปี มีอัตราการติดเชื้อในสัดส่วนสูงถึง 32.5% หรือราว 1 ใน 3 ของทั้งหมด 

 

ทั้งนี้ เพราะเด็กเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับวัคซีน (ยกเว้นเด็กที่มีโรคประจำตัวที่มีเพียงส่วนน้อย)

 

 

แต่ก็เป็นไปตามทฤษฎีคือ เด็กที่ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นผู้ป่วยสีเขียว ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ที่โรงพยาบาลสนามศาสนบำรุงซึ่งรับผู้ป่วยหญิงและเด็ก จึงมีเด็กวิ่งเล่นอย่างมีชีวิตชีวา ในช่วงรักษากักตัวให้ครบ 14 วัน

นพ.สุภัทร เผย "เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

และจากการสอบสวนโรค พบว่า ในหลายบ้านที่ผู้ใหญ่ป้องกันตัวเองอย่างดี เด็กคือกลุ่มที่นำโรคเข้าสู่ครัวเรือน เพราะเด็กเล็กออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เด็กโตก็ออกไปสมาคมกับเพื่อนฝูง ยากที่จะห้ามได้ ผลก็คือนำเชื้อโควิดเข้ามาในบ้าน และติดกันทั้งครอบครัวในที่สุด

วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนตัวเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเด็ก 12-18 ปีได้ สิทธิของเยาวชนในการรับวัคซีนคือสิทธิพื้นฐานที่เขาควรได้รับ ไม่ใช่แค่เพื่อการสร้างภูมิในตัวเขาเท่านั้น แต่เพื่อลดการติดเชื้อและลดการแพร่เชื้อเข้าสู่ครัวเรือนด้วย  และถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะได้คืนชีวิตวัยซน คืนการเรียนรู้และคืนห้องเรียนให้กับเยาวชนเหล่านั้นด้วย

การจะหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงหนีไม่พ้นการต้องให้เด็กได้รับวัคซีนด้วย

นพ.สุภัทร เผย "เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

 

นพ.สุภัทร เผย "เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

 

เพราะนี่คือช่องโหว่รูใหญ่ของการควบคุมโรค มิเช่นนั้นคงต้องยอมให้เด็กติดโรคตามธรรมชาติให้หมด เกิดภูมิธรรมชาติแทนวัคซีน เราจะเลือกอย่างหลังหรือ

“เรามีเพียง 2 ทางเลือก เร่งให้ไฟเซอร์กับเยาวชน 12-18 ปี หรือจะทิ้งให้เขาทยอยติดเชื้อและแพร่เชื้อเข้าสู่ครัวเรือน”

หากจะกลับไปทบทวนข้อมูล เปรียบเทียบอ้างอิงจาก ข้อมูลจากทางกรมอนามัย พบว่า มีเด็กอายุ 12-18 ปีในไทย กว่า 5 ล้านคน เฉพาะ 1 เมษายน -14 สิงหาคม ติดเชื้อแล้วกว่า 40,000 คน เสียชีวิต 8 คน ทุกคนมีโรคประจำตัว 

 

ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคน ทุกสังกัด กว่า 4.5 ล้านคน ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 โดยฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน

นพ.สุภัทร เผย "เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

แต่ยังมีความเห็นต่างทางวิชาการโดยความเห็นของ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย มองว่าการฉีดวัคซีนในเด็ก 12 ปี ควรรอให้มีวัคซีนมากกว่านี้

 

ขณะที่ล่าสุด ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะนำร่องฉีดซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย ให้เด็กอายุ 10-18 ปี  จำนวน 50,000 คน วันที่ 20 กันยายนนี้ ใน “โครงการ VACC 2 School” ขณะที่ กทม. ก็เตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยง อายุ 12-18 ปี เริ่มตั้งแต่ 21 กันยายนนี้

logoline