กรุงเทพฯติดอันดับ 37 เมืองดีที่สุดในโลกด้วยน้ำใจสู้โควิด

เว็บไซท์นิตยสารรายสัปดาห์ระดับโลก “Time Out” จัดอันดับ 37  นครใหญ่ที่ดีที่สุดของโลกประจำปี 2564 ที่มีชื่อว่า “2021 World's Best Cities Index” จัดทำขึ้นโดยการสำรวจความเห็นของผู้เข้าร่วม 27,000 คน ในหลายร้อยเมืองทั่วโลก บวกความเห็นของเครือข่ายบรรณาธิการท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญของ Time Out ทั่วโลก" โดยให้คะแนนด้านการกิน-ดื่ม วัฒนธรรมและสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่เน้นจิตวิญญาณของชุมชน

นิตยสาร Time Out จัดพิมพ์โดย “Time Out Group” เริ่มต้นจากการตีพิมพ์ที่ลอนดอนแห่งเดียวเมื่อปี 2511 ก่อนขยายไปยัง 328 เมือง ใน 58 ประเทศทั่วโลก มีผู้อ่านมากกว่า 307,000 คน

สำหรับเมืองใหญ่ที่ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. ซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ 2. อัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ 3. แมนเชสเตอร์ของอังกฤษ 4. โคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก 5. นิวยอร์กของสหรัฐฯ 6. มอนทรีออลของแคนาดา 7. ปร๊ากของเช็กเกีย 8. เทล อาวีฟ ของอิสราเอล 9. ปอร์โตของโปรตุเกส และ 10. โตเกียว ของญี่ปุ่น ส่วนกรุงเทพฯอยู่อันดับสุดท้าย คือ 37

การที่ซานฟรานซิสโกได้รับการจัดอันดับให้เป็นนครที่ดีที่สุด ก็เพราะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ชาวเมืองได้แสดง “จิตวิญญาณของชุมชนที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร” ตั้งแต่การแขวนขนมปังที่เรียกว่า “ซาวโดวจ์” ไว้ที่เสาโทรศัพท์ ไปจนถึงจ่ายเงินเยียวให้ธุรกิจขนาดเล็กผ่าน “SF New Deal” จำนวน 1 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

แม้กรุงเทพฯรั้งท้ายสุดในการจัดอันดับ แต่นิตยสารก็ระบุว่า คนกรุงเทพฯ ภาคภูมิใจในวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของตัวเองมาโดยตลอด และดูเหมือนผู้อ่านจะเห็นด้วยว่า 96% ของชาวกรุงเทพฯ ชื่นชอบในสิ่งที่เมืองของพวกเขานำเสนอ ซึ่งก็คือความความโดดเด่นในด้านอาหาร และปีนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาทำทุกวิถีทางที่จะทำได้เพื่อสนับสนุนในเรื่องนี้ โดยเมื่อผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารในกรุงเทพฯ จำนวนมาก โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็กและแผงลอยริมทางต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ก็มีผู้ยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน ด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภคช่วยอุดหนุน และยังมีแพล็ตฟอร์มเดลิเวอรี ที่เปิดให้บริการโดยคิดค่าคอมมิชชั่นในราคาถูก 

สื่อท้องถิ่่นช่วยประโคมข่าวสนับสนุนเหล่าวีรบุรุษ-วีรสตรีของชุมชน เชฟที่ได้รับการยอมรับจากมิชลินที่แม้จะมีไม่กี่คน ได้พร้อมใจกันปรุงอาหารรสเลิศให้กับบุคลากรแนวหน้าสู้โควิด-19 ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นบททดสอบ “น้ำใจ” และ “ความกล้าหาญ” ของคนกรุงเทพฯ แล้ว ยังได้เห็นความเป็นมนุษย์และความเกื้อกูลกันมากกว่าที่เคยอีกด้วย ยังมีกลุ่มชุมชนออนไลน์ ที่คนแปลกหน้าสามารถช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ในละแวกที่อยู่ของตัวเอง เช่น ชุมชนอารีย์ ที่มีสมาชิกมากกว่า 33,000 คน ได้ช่วยเหลือกันทั้งในด้านการทำอาหารแจก จนถึงให้บริการช่างซ่อมบำรุง