เรียกคลินิกรีแพร์แจงปมโฆษณา 17 ก.ย.นี้

7 กันยายน 2564 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวกับ “เนชั่นทันข่าวเที่ยง” ต่อกรณีคลินิกแห่งหนึ่ง มีการโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะไลฟ์สดนาทีทำรีแพร์ ว่า ถือเป็นการแพร่ภาพดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาในพ.ร.บ.รักษาพยาบาลคลินิก หรือ โรงพยาบาลเอกชน การจัดโฆษณาจะต้องมีการขออนุญาต หรือได้รับจากผู้อนุญาตก่อน

ทั้งนี้ เท่าที่ตรวจสอบข้อมูล พบเป็นคลินิกในกทม.  แล้วก็ไม่ได้ขออนุญาต ก็จะมีความผิดตามมาตรา 38 วรรคที่ 1 เรื่องไม่ได้ขออนุญาต คือ 1.ถ้าไม่ขออนุญาตก็ถือว่าผิดแล้วถ้าไปเผยแพร่ 2.ถ้าขออนุญาตแล้ว ก็ต้องเป็นลักษณะที่ไม่ใช่การโฆษณาที่เป็นเท็จ หลอกลวง หวาดกลัว หรือส่อไปทางลามกอนาจารไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ ถ้าดูเนื้อหาค่อนข้างจะไม่ค่อยเหมาะสม ก็คงจะมีการเรียกคลินิกมาชี้แจง แต่ตอนนี้จะสั่งระงับโฆษณาก่อน เพราะยังไงก็ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนโทษมีความผิดตามมาตรา 38 คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนโทษจำคุกหรือปรับ ถ้ายุติการโฆษณาตามคำสั่ง ยกเว้นไม่ยอมยุติโฆษณา ก็มีการปรับรายวันรวมทั้งโทษรุนแรงขั้นต่อไปก็คือสั่งพักใช้ใบอนุญาตของสถานพยาบาล

ส่วนกรณีถ้าบุคคลในคลิปเป็นหมอจริงๆ และจะมีความผิดไหมนั้น ก็จะส่งให้แพทยสภาดูอีกที คือปกติตัวหมอหรือผู้ประกอบวิชาชีพ จะมีสภาที่ดูเรื่องมาตรฐานวิชาชีพอยู่ ก็ให้ช่วยดูว่าผิดจริยธรรมทางวิชาชีพหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นโทษทางวิชาชีพ คือ ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าแรงมากก็พักใช้ใบอนุญาต ซึ่งทางแพทยสภาคงจะดูอีกที แต่เบื้องต้นจะมีการเรียกมาคุยในวันที่ 17 ก.ย. นี้ และสั่งให้ระงับการโฆษณาไปแล้ว

“ถ้าคลินิกเขาจะอ้างว่าคนไข้ที่ไปทำการผ่าตัดทำรีแพร์ เขายอมให้ถ่ายก็ไม่ได้ เพราะ 1.อย่างที่บอกว่านี้จดสิทธิ์เป็นเรื่องโฆษณา สันติบาลยังไม่ได้ขออนุญาตเราแน่นอน 2.ถึงขออนุญาตแต่เนื้อหามันต้องเป็นเนื้อหาที่เหมาะสมด้วย แต่ทีนี้ดูแล้วโดยทั่วไปไม่ค่อยเหมาะสม ดูแล้วทำให้เกิดความเข้าใจผิด ดูแล้วส่อไปทางค่อนข้างจะอนาจาร และอีกอย่างในคลิปมีขั้นตอนการไลฟ์สด ว่ามีอะไรบ้าง แล้วบอกว่าไม่เจ็บไม่มีอาการอะไรเลย และยังมีการเชิญชวนให้มาซื้อแพ็คเกจ 9 เดือน 9 ที่จะมาถึงอันนี้ เป็นการให้เห็นว่าเป็นลักษณะโฆษณาจริงๆ ไม่ใช่การให้ความรู้ เราก็จะเห็นว่าเขามีการเชิญชวนให้ไปใช้บริการก็คือไม่ได้ขออนุญาต แล้วโฆษณาก็โอ้อวดเกินจริงด้วย เพราะไม่มีหรอกการผ่าตัดอะไรที่มันไม่เจ็บปวด” นพ.ธเรศ กล่าว

อย่างไรก็ตาม อยากฝากไว้ว่า การขออนุญาตสามารถขอได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพในกทม. ถ้าต่างจังหวัดก็สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ถ้าหากพบเห็นกรณีอย่างนี้ เบาะแสอย่างนี้ สามารถแจ้งสายด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ที่ 1426