7 กันยายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนซิโนแวคจำนวน 12 ล้านโดส เพื่อให้เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน เพราะเป็นวัคซีนที่ผลิตแล้ว ไม่ต้องทำการจัดซื้อล่วงหน้าเช่นเดียวกับวัคซีนอื่น ทำให้สามารถส่งมอบได้ในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.
รวมทั้งเป็นการรองรับการฉีด วัคซีนสูตรผสม เพิ่มความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างภูมิคุ้มกันใน กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มวัยแรงงาน 8 ล้านคน และกลุ่มแรงงานต่างด้าว 2 ล้านคน โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อชะลอไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแพร่กระจายในวงกว้าง เน้นการฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างวัคซีนซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า( AZ)
นายธนกร กล่าวอีกว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 กันยายน 2564 มีมติ เห็นชอบจัดหาวัคซีนโควิดยี่ห้อซิโนแวคเพิ่มเติม เพื่อฉีดวัคซีนสูตรไขว้กับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 12 ล้านโดส โดย ครม. อนุมัติกรอบวงเงิน 4,254.36 ล้านบาท สำหรับเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1. กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัว ประกอบด้วย
2. ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป
3. เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น ด่านควบคุมโรคตามชายแดน สถานกักกันโรค ทหาร ตำรวจ เจ้าที่เก็บขยะติดเชื้อเป็นต้น
4. ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
"เชื่อว่าจะสามารถร่นระยะเวลาการฉีดลงได้ พร้อมทั้งยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในระดับสูงตามผลการวิจัย ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 รวมทั้งลดผลกระทบ ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว" นายธนกร ระบุ