svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศึกซักฟอกสะท้อน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อำนาจการเมืองไม่เบ็ดเสร็จ

04 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นักวิชาการม.รังสิต สะท้อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้ “ประยุทธ์-ประวิตร” ไร้อำนาจเบ็ดเสร็จการเมือง แนะกลุ่ม 3 ป. ต้องปรับยุทธศาสตร์หลังรัฐเผชิญวิกฤตศรัทธา คาดปีหน้ามีปรับครม.ใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

4 กันยายน 2564 ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นถึงผลลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ซึ่งมีคะแนนน้อยนั้น ผ่าน "เนชั่นทีวี" ว่า จากนี้นายกฯ ต้องปรับตัวเองพอสมควร โดยร่นระยะห่างกับส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ เพราะที่ผ่านมานายกฯ อยู่ในสถานะลอยตัวทางการเมือง โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาช่วยและคอยอำนวยความสะดวก คงทำไม่ได้อีกต่อไป

 

ผศ.วันวิชิต อธิบายต่อว่า ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แค่จะช้าหรือเร็ว ต้องมีการปรับ โดยส่วนตัวมองว่าจะมีการปรับ ครม. ปีหน้า เพื่อเตรียมพร้อมยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน ตัวนายกฯและกลุ่มเครือข่าย 3 ป. ต้องกลับมานั่งทบทวนยุทธศาสตร์ทางการเมือง หากไปต่อวิกฤตศรัทธาและความนิยมชมชอบ ต้องยอมรับว่าไม่สูงเหมือนเป็นนายกฯใหม่

 

ศึกซักฟอกสะท้อน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อำนาจการเมืองไม่เบ็ดเสร็จ

ทั้งนี้ การลงไปอยู่เบื้องหลังการเมือง จะเป็นทางลงที่สวยที่สุดหรือไม่ นั่นคือการตั้งคำถาม โอกาสไปต่อโดยเฉพาะการปรับเก้าอี้คณะรัฐมนตรีส่วนกลาง เช่น มหาดไทย ที่นักเลือกตั้ง นักการเมือง ปราถนา เข้าไปดำเนินการตรงนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง นายกฯ จะยอมเสียใครในโควต้าส่วนนี้หรือไม่ สิ่งนี้จะทำให้เป็นการรอมชอมกันภายในพรรคประชารัฐได้เป็นอย่างดี

 

“ที่ผ่านมาเห็นว่าไม่มีส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ ดาหน้าออกมาปกป้องนายกฯ จะมีเพียงนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น ขณะที่นอกสภาฯ เป็น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กับนายธนกร วังบุญคงชนะ ซึ่งไม่มีอำนาจมากพอช่วยเหลือนายกฯในสภา กระทั่งนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพ รวมถึงรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตร หรือกลุ่มใกล้ชิดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ไม่มีใครออกมาช่วยผ่อนหนักเป็นเบา นายกฯต้องโต้ตามลำพัง ท่ามกลางความโดดเดี่ยวทางการเมือง” ผศ.วันวิชิต ระบุ

 

 

ผศ.วันวิชิต ฉายภาพต่อว่า ทั้งหมดเห็นถึงความหวั่นไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งยังได้เห็นสีหน้าความไม่สบายของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหากไปต่ออีก 1 ปีเศษ และจากผลการอภิปราย จะเห็นว่านายกฯไม่ได้เบ็ดเสร็จอำนาจทางการเมือง เหมือนเดิมอีกต่อไป รวมถึงความขลังของพล.อ.ประวิตร ไม่เหมือนเดิม ซึ่งนายกฯที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องจัดการความพึงพอใจภายในพรรคพลังประชารัฐ

 

ส่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านถือว่าทรงตัว แต่ก็เห็นความเปลี่ยนแปลง อย่างพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนหรือเพิ่มส.ส.หน้าใหม่ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายคน และก็เห็นความไม่เป็นเอกภาพ เช่น นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ มาประท้วงพรรคตัวเอง แต่หากมองความเป็นนายศรัณย์วุฒิ  ไม่สนใจมติพรรค ไม่สามารถคุมเนื้อหาการอภิปรายได้ จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด และกลายเป็นจำอวดการเมือง ดังนั้น ยอมกลืนเลือดยังดีกว่า เพื่อคุมเนื้อหาภาพรวมของพรรคไว้

 

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านประสบความสำเร็จหรือไม่ ประชาชนตัดสินใจได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไปจบเวทีเลือกตั้ง แต่ก่อนไปจุดนั้น ต้องไปดูการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นไปตามทิศทางของใคร  

logoline