3 กันยายน 2564 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส จงใจใช้อำนาจรัฐมนตรีในการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องในคดีพิพาทดาวเทียมไทยคม ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 10 ก.ย.นี้ และมีบางบริษัทได้รับสิทธิ์ขาดในการดำเนินกิจการแต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้กลายเป็นบริษัทเดียวที่ผูกขาดดำเนินกิจการดาวเทียมมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เงื่อนไขของสัมปทานระบุว่า บริษัทมีหน้าที่ดูแลรักษาให้ดาวเทียมหรือเปลี่ยนดาวเทียมทดแทนดาวเทียมที่ชำรุดไปตลอดระยะเวลาสัมปทาน แต่ดาวเทียมทุกดวงที่สร้างขึ้นตามสัญญานี้จะตกเป็นของกระทรวงคมนาคม และเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง บริษัทต้องส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดคืนให้กระทรวงทันที และดาวเทียมยังจะต้องอยู่ในสภาพใช้งานได้อยู่บนวงโคจร สัมปทานนี้ทำให้เกิดผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่หลายฝ่ายจ้องเข้ามาตักตวง 2 ก้อน ได้แก่
1. ผลประโยชน์จากดาวเทียมที่ตกเป็นคดีข้อพิพาทระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ กับไทยคม ตามสัญญาสัมปทานปี 2534
2. ผลประโยชน์จากดาวเทียมดวงอื่นๆ ที่อยู่ในสัญญาสัมปทานนี้ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 ก.ย. 2564 โดยปกติแล้วเมื่อมีคดีพิพาท รัฐมักติดต่อไปยังอัยการสูงสุดให้จัดหาพนักงานอัยการมารับตำแหน่งอนุญาโตตุลาการ เมื่อจัดหาแล้วจะเสนอชื่อให้กับทางกระทรวงฯ แล้วกระทรวงฯ ต้องนำไปแจ้งกับคู่ความอีกฝ่ายในเวทีพิจารณาคดีต่อไป
แต่ภายในเวลาเพียง 6 เดือนที่นายชัยวุฒิ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ มีความพยายามเปลี่ยนอนุญาโตตุลาการถึง 3 ครั้งจนน่าสงสัย โดยกระทรวงดิจิทัลฯ พยายามกำจัดอนุญาโตตุลาการคนเดิมออก และกล่าวหาว่าไม่มีความเป็นกลาง
“เราอาจจะเปรียบเปรยว่าแทบไม่แตกต่างกับปรสิตที่กัดกินสังคมไทยไม่ให้พัฒนา ด้านหนึ่งปรสิตกลุ่มทุนเหล่านี้กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ผ่านการจ่ายเงินให้พรรคการเมือง เพื่อให้ส.ส.และส.ว. ออกนโยบายที่จะเอื้อประโยชน์แก่ปรสิต และส่งสมัครพรรคพวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล หรือคนใกล้ชิดของรัฐบาลเพื่อให้มั่นใจว่า จะผูกขาดทรัพยากรต่างๆ ในประเทศได้ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจ่ายเงินให้กับบรรดาข้าราชการหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่า แขนขาของร่างกายจะเชื่อฟังตามใจปรารถนาของปรสิตกลุ่มทุนที่เข้ามายึดครอง หนทางเดียวที่จะรักษาอาการป่วยของประเทศนี้คือการทลายปรสิตการเมือง” นายรังสิมันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายรังสิมันต์ อภิปราย ได้มี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการกล่าวพาดพิงบุคคลที่ 3 อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ประธานในที่ประชุมต้องคอยตักเตือนอยู่ตลอดว่า อย่ากล่าวหาบุคคลที่ 3 โดยไม่จำเป็น และระมัดระวังในการอภิปรายให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายชัยวุฒิ ชี้แจงจบ นายโรม ขอตั้งคำถามใหม่เพราะรัฐมนตรีตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้เาที่ของนายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานที่ประชุม และประท้วง นายโรม ที่เมื่อรัฐมนตรีตอบแล้วไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามซ้ำ แต่นายศุภชัย ก็ได้ให้นายโรม ถามรัฐมนตรี ประเด็นดาวเทียมไทยคมซ้ำ
รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ตอบว่า เรื่องไทยคมตอบไปแล้ว่าไม่ใช่สัมปทาน เพราะสัมปทานสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 ก.ย. 2564 ตอนนี้เจรจาคือการทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถ้านายโรม มีบริษัทอื่นแนะนำก็ให้บอกมา