
แม่น้ำปารานานับว่ามีความสำคัญมากภายในทวีปอเมริกาใต้ นอกจากไว้ใช้ในด้านคมนาคม การขนส่งเชิงพาณิชย์ รวมถึงเป็นแหล่งทำประมงแล้ว ยังเป็นแหล่งน้ำดื่มหล่อเลี้ยงประชากรในท้องที่อีกกว่า 40 ล้านคน แต่ล่าสุดความแห้งแล้งในภูมิภาคทำให้ระดับน้ำลดต่ำมากจนมีความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมประมง
นักสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากการตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต
แม่น้ำปารานามีความยาว 4,880 กิโลเมตร ไหลออกจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล ผ่านปารากวัยและอาร์เจนตินา ไหลรวมกับแม่น้ำปารากวัยรวมถึงแม่น้ำอุรุกวัย ลงสู่แม่น้ำริโอ เด ลา พลาตา หรืออีกชื่อคือ แม่น้ำเพลต ที่มีความกว้างกว่า 30 เมตร ถูกยกให้เป็นพื้นที่น้ำที่ใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก และให้ผลผลิตเยอะที่สุดในอาร์เจนตินา
สาเหตุของเรื่องนี้มาจากปริมาณน้ำฝนภายในประเทศบราซิล ทางตอนใต้แหล่งกำเนิดแม่น้ำปารานามีฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเป็นปีที่สาม ความแห้งแล้งนี้ส่งผลให้อัตราการไหลของแม่น้ำปารานาจากค่าเฉลี่ย 17,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือเพียง 6,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเท่านั้น
ระดับน้ำลดต่ำส่งผลให้เกิดปัญหาในโรงผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำปารานา ในพื้นที่ระหว่างอาร์เจนตินาและปารากวัยสามารถดำเนินการผลิตพลังงานเดินเครื่องได้เพียง 50% จากปกติ จนรองประธานาธิบดีบราซิล ฮามิตัน โมเรา ต้องออกประการเตือนว่าภัยแล้งในครั้งนี้อาจทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน
หากปล่อยไว้แบบนี้บราซิลอาจต้องใช้นโยบายจัดสรรปันส่วนพลังงาน อีกทั้งยังเป็นปัญหาในด้านการขนส่งสินค้าผ่านทางแม่น้ำที่เคยมี ด้วยไม่สามารถบรรทุกหรือใช้งานเรือขนาดใหญ่ได้ดังเดิมจากปริมาณน้ำที่แห้งขอด ทำให้การขนส่งสินค้าต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบก ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงต้นทุนและภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ร้ายไปกว่านั้นคือจากการคาดการณ์ของพยากรณ์อากาศชี้แจงว่า ภัยแล้งในครั้งนี้อาจยืดยาวไปถึงปี 2022 เลยทีเดียว