"วิโรจน์"จวก"นายกฯ-อนุทิน"อุปโลกแผนวัคซีนลวงโลก

1 กันยายน 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทินชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

โดยย้อนถึงวาทะกรรมวรรคซีนแอสตร้าเซเนก้า จะเต็มแขนประชาชน จนไม่มีที่เก็บ ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งนายอนุทิน เคยชี้แจงในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้นายอนุทิน ยังปากแจ๋ว ยืนยันว่าไม่ได้ผิดคำพูด จึงถามว่าอยู่คนละโลกกับประชาชนหรือไม่ 

รัฐบาลประชาสัมพันธ์มาโดยตลอดว่าวัคซีนอัตราเซนต์นิก้า 61 ล้านโดสจะได้รับภายในปี 2564 และยังยืนยันว่าไทยมีวัคซีนมากที่สุดในทวีปเอเชียซึ่งการโหมประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมาทำให้เข้าใจว่ามีการลงนามกับบริษัทวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  
 

จนการแพร่ระบาดละลอกที่ 3 เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 และอีก 20 วันถัดมามีประชาชนป่วยตายคาบ้าน 

เมื่อมาติดตามงบประมาณโครงการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ โควิด-19 รวมถึงโครงการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เบิกจ่ายได้เพียง 7.09% และ 9.06% จึงเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่านายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ปล่อยปะละเลยจนขาดความพร้อมที่จะดูแลรักษาชีวิตของประชาชน จนสุดท้ายประชาชนต้องล้มตายเพราะเข้าไม่ถึงการรักษา การจัดสรรลงทะเบียนวัคซีนซ้ำซ้อน และขออย่าอ้าง ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินว่าเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานเพราะพลเอกประยุทธ์ มีอำนาจเต็มมือ หลอกลวงประชาชน เป็นแผนวัคซีนลวงโลก 

ในระหว่างนี้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ยกมือประท้วงผู้อภิปรายที่ใช้คำว่าวัคซีนลวงโลก ทำให้นายวิโรจน์กล่าวต่อนายคารม ว่า "เชิญครับงู" พร้อมเสียดสี ว่า นายสุชาติ ตันเจริญ ที่รับหน้าที่ประธานการประชุมในขนาดนั้นเก่งที่ฟังภาษางูรู้เรื่อง 

นายวิโรจน์ ได้อภิปรายต่อถึงการเลื่อนฉีดวัคซีน เนื่องจากการจัดส่งวัคซีนไม่เป็นไปตามแผน และในสัญญาไม่ได้ระบุว่าวัคซีน 61 ล้านโดส จะส่งมอบให้เมื่อไหร่ และเมื่อตรวจสอบสัญญาการซื้อขายวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าไม่ได้ระบุยอดประมาณการ การส่งมอบวัคซีนในแต่ละเดือน แต่พบว่าเพิ่งมีการลงนามสัญญากับคู่สัญญาเรียบร้อยครบถ้วนเมื่อวันที่ 4 พ.ค. นี้เอง แล้ว ตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา รัฐบาลกล้าประชาสัมพันธ์และให้คำมั่นกับประชาชนเรื่องแผนการจัดสรรวัคซีนเอสต้าเซ็นเนก้า  61 ได้อย่างไรทั้งที่ยังไม่ได้มีการลงนามกับคู่สัญญา 
 

แสดงให้เห็นถึงคำโกหกหลอกลวง ตามแผนวัคซีนลวงโลก ของนายกรัฐมนตรีโดยมีผู้ร่วมกระทำการคือนายอนุทิน หรือไม่

นายกรัฐมนตรี จงใจใช้งบกลาง 600 ล้านบาท อุดหนุนให้ บริษัทสยามไบโอไซแอน  โดยไม่ใช้เงินกู้เพราะต้องรับกับเงื่อนไขจำกัดการส่งออก และนายอนุทิน รับช่วงต่อไปลงนามในสัญญาโดยยอมรับข้อตกลงการส่งออกโดยปราศจากข้อจำกัด เท่ากับว่ารัฐบาลนำเอาเงินภาษีของประชาชน 600 ล้านบาทอุดหนุนบริษัทเอกชน ผลิตอัตราเซเนก้าส่งให้ทั่วโลกได้  จึงอยากถามว่าวันนี้ประชาชนตรงไหน 

ต่อให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นก็จะแก้ไขโดยการหาซื้อวัคซีนที่สามารถส่งมอบ ได้เร็วมาฉีดแก้ขัด กีดกันวัคซีนยี่ห้ออื่นไม่ยอมซื้อวัคซีนไฟเซอร์มาสำรองไว้ตั้งแต่แรกไม่ยอมให้วัคซีนยี่ห้อใดมาตัดหน้าแย่งซีนวัคซีนที่ตั้งธงเอาไว้ ไม่ยอมเข้าร่วม Covax จนเกิดการระบาดรุนแรงประชาชนล้มตาย เพราะ คิดแต่จะเอาวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า สร้างความนิยมทางการเมือง โดยไม่สนใจชีวิตประชาชน

นายวิโรจน์ ยังทักท้วงการฉีดวัคซีนซิโนแวค แบบไขว้ ที่ไม่เคยได้รับการรับรอง และยังสั่งเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่สามารถจัดส่งได้เร็วเพียง เพราะไม่สามารถส่งมอบแอสตร้าได้ตามกำหนด ดังนั้นจึงขอวิงวอนไปยังนายกรัฐมนตรีและนายอนุทิน ขอให้สื่อสารข้อเท็จจริงกับประชาชน อย่าบิดเบือนโกหก ใจดำ ทำให้คนป่วยโควิดตายเป็นหมื่นคน

และแทนที่จะสำนึยอมรับผิด กลับคิดออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้กับตัวเองและพวกผ่านการออก พรก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุข แถมยังครอบคลุมไปถึงฝ่ายนโยบายทั้งหมด ซึ่งอาจหมายรวมถึงเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด แม้จะมีการถอนออกจาก พรก.แล้วแต่ยังพยายามสอดไส้เข้าไปใน พรบ.ควบคุมโรคฯ จึงต้องจับตาดูต่อไป  เพราะหากกฎหมายตัวนี้ออกมา จะไม่สามารถเอาผิดใครอะไรได้เลย 

หากยังปล่อยให้ทั้งสองคนนี้ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนไม่จบไม่สิ้นจึงถามว่าจะไปมองหน้าประชาชนได้อย่างไร วันนี้หัวเด็ดตีนขาด ทั้ง 2 คงไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง และเชื่อว่าขอให้ลาออกจากความเป็นคนยังจะดูง่ายกว่า ปลายทางคงไม่พ้นนรกโลกันตร์ แต่กว่าจะถึงวันนั้นเชื่อว่าประชาชนอยากเห็นทั้ง 2 คนอยู่ในคุกตาราง