ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ พัลลภ แซ่จิว บอกถึง การเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในโครงการ
CHARMIMG Chiang Mai ว่า คืบหน้ากว่า 90% คาดว่าสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยแบ่งโปรแกรมการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 3 รูปแบบ คือ โปรแกรมระยะสั้น จำนวน 5 วัน โดยให้นักท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมและสนามกอลฟ์เท่านั้น
โปรแกรมระยะกลาง 14 วัน กำหนดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางอย่างจำกัดในช่วง 14 วันแรก และโปรแกรมต่อเนื่องหลังจากพักในจังหวัดภูเก็ตแล้ว 7 วัน และเดินทางมาพักที่จังหวัดเชียงใหม่ อีก 7 วัน
นักท่องเที่ยวในรูปแบบที่ 2 และ 3 ต้องท่องเที่ยวและพักอาศัยเฉพาะสถานที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตลอดช่วงเวลา 7 หรือ 14 วัน หากไม่พบเชื้อจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ
สำหรับพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริม และอำเภอดอยเต่า กลุ่มเป้าหมายระยะแรกเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มคู่ค้าสำคัญกับจังหวัดเชียงใหม่เดิม จากนั้นจะขยายไปกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น จีน และอินเดีย
พัลลภ บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่รูปแบบที่ 3 น่าจะเกิดขึ้นก่อน คือ เป็นนักท่องเที่ยวต่อเนื่องจากจังหวัดภูเก็ต ในเฟสแรกประมาณ 1,000 คน ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่า จะมีเม็ดเงินเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 100 ล้านบาท
ในปี 2563 รายได้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ลดเหลือ 6 หมื่นล้านบาท จากปี 2562 ที่มีรายได้กว่า 1.2 ล้านล้านบาท และจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่วง 1 ปี 8 เดือน ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ สูญเสียรายได้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนล้านบาท
หลังจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.จะเสนอรายละเอียดโครงการ CHARMIMG Chiang Mai ให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาอนุมัติต่อไป