นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจง เรื่องข้อกำหนดที่ออกมาใหม่ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงเดิม โดยการแบ่งพื้นที่สถานการณ์ยังคงมี 3 ส่วน คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด
"ขอย้ำว่า ที่ประชุม ศบค. ไม่ได้ใช้คำว่าปลดล็อก และไม่ได้ใช้คำว่าผ่อนคลาย แต่เป็นการปรับ ซึ่งทั่วโลก ก็มีการปรับมาตรการทางสังคมในการเผชิญหน้ากับโควิด มีทั้งการควบคุมโรคและความเป็นอยู่ของทุกคนแบบ new normal ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 กันยายนนี้ จากมาตรการที่ออกมา"
ส่วนของข้อห้ามการจัดกิจกรรม ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ขั้นตอนการขออนุญาตจัดกิจกรรม ซึ่งหลายเรื่องยังคงบังคับใช้ต่อไป แต่มีการปรับตัวเลขของบุคคลที่เข้ารวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมได้มากขึ้น โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังคง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 25 คน , พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรม ที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 50 คน , พื้นที่ควบคุมห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 100 คน
"ขณะที่ข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถาน หรือ เคอฟิวส์ ระหว่าง 21:00- 04:00 น. ยังคงเหมือนเดิม โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทุกจังหวัด ยังบังคับใช้ต่ออย่างน้อย 14 วัน จนถึง 14 ก.ย. 64"
นอกจากนี้ยังกำชับ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กำกับดูแลการดำเนินกิจการ กิจกรรม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งทั้งหมดนี้หาก ศปก.ศบค. ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า ควรปรับเปลี่ยนหรือขยายความในเรื่องใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนเหมาะสมก็ ให้เสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาสั่งการได้