วันที่ 27 สิงหาคม นายวุฒิโรจน์ อริยะเดชอนันต์ นักธุรกิจเจ้าของตลาด อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกรณีอ้างว่าถูกกลุ่มตำรวจนอกราชการ ตั้งตัวเป็นมาเฟียใช้สถานีตำรวจเป็นที่บังคับข่มขู่ให้ตนเองเซ็นเอกสารยินยอมให้ยกโฉนดที่ดินตลาดเนื้อที่กว่า 13 ไร่
โดยเหตุการณ์สืบเนื่องจากเมื่อปี 2563 ได้ไปกู้ยืมเงินจากลูกชายของรพ.เอกชนชื่อดังย่านสุขุมวิท และมีความสัมพันธ์เป็นถึงลูกเขยของอดีตจเรตำรวจแห่งชาตินายหนึ่ง จำนวน 50 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละร้อย ทำสัญญากู้ยืมเงิน 3 ปี ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2565 แต่ผ่านมา 11 เดือน ได้มีกลุ่มนักธุรกิจห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จะเข้ามาขอซื้อตลาด จึงทำให้กลุ่มตำรวจนอกราชการที่มีความโลภอยากได้เงิน มาหลอกล่อให้ตนเองไปที่โรงพักกบินทร์บุรี โดยใช้ห้องนายตำรวจนายหนึ่ง บังคับข่มขู่ให้ตนเองเซ็นเอกสารยกโฉนดที่ดินให้ ตั้งแต่ 09.00-16.00 น.ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนควบคุมและถืออาวุธไว้ข่มขู่ตลอด จึงยอมเซ็นมอบตลาด เนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับออกไปได้ ต่อมานายตำรวจนอกราชการได้มีการนำลูกน้องเข้ามาดูแลและขับไล่ตนเองออกจากตลาด จนถึงตอนนี้ทำให้ต้องสูญเสียรายได้ไปไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท จนถึงขนาดคิดสั้นผูกคอตาย แต่ได้สติจึงออกมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกองปราบปราม, กระทรวงยุติธรรม, สำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด
“ขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องทุกข์กับผบ.ตร. เนื่องจากเห็นว่าคดีของตผม คล้ายกับคดีของ ผกก.โจ้ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เพียงแต่ผู้เสียหายคดี ผกก.โจ้ เป็นพ่อค้ายาเสพติด ส่วนผมเป็นนักธุรกิจเท่านั้น และหวังว่า ผบ.ตร.จะดำเนินการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับคดีของตนเองเช่นเดียวกัน” นายวุฒิโรจน์ ระบุ
นายวุฒิโรจน์ กล่าวว่า รู้ว่าการกู้ยืมเงินอัตราดอกเบี้ยร้อยละร้อยเป็นสิ่งผิดกฎหมายแต่ที่ยอมกู้ เพราะมีความสนิทและเคารพผู้ที่ปล่อยกู้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาถูกตามข่มขู่ มีคนคอยติดตามตลอด แต่ก็ไม่กลัวและเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป