วันนี้ (27 ส.ค.64) ที่ สน.โคกคราม ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พรบ.คอม หลังจากมีการโพสต์ พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ กล่าวหาว่าตนเองไปตบทรัพย์กับอดีต "ผกก.โจ้" และพวก ที่อ้างว่าตนเองได้รับคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปต่อรองกับกลุ่มผู้ต้องหา
ซึ่งทนายเดชายอมรับว่า ได้รับคลิปมาจริง จากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก่อนหน้าทนายษิทราประมาณ 15 นาที แต่ที่ไม่นำเสนอ เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เกรงว่าจะเสียรูปคดี แต่หลังจากที่ "ผกก.โจ้" ให้ปากคำ ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้มีการเรียกทรัพย์แต่อย่างใด ตนจึงขอท้า ทนายษิทรา ว่า หากมีหลักฐานยืนยันว่าตนเองตบทรัพย์จริง ให้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที หากไม่เข้ามาแจ้งความ ก็เหมือนเป็นหมาตัวหนึ่ง ที่เอาแต่เห่าไปทั่ว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเอง และทนายษิทราเป็นคู่กรณีกันมาก่อน
ซึ่งในวันนี้ได้นำหลักฐานการโพสต์ของ ทนายษิทรา พร้อมกับการสัมภาษณ์ผ่านรายการต่างๆ มายื่นต่อพนักงานสอบสวน
ส่วนที่มีกระแสว่าตนเองร้อนตัวไปเองนั้น มองว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว แม้ว่าทนายษิทราได้ปกปิดชื่อแล้วโพสต์ลง แต่ข้อความที่ส่งให้กับผู้สื่อข่าว และกลุ่มทนายนั้น ปรากฏชัดเจนว่าเป็นชื่อเพจทนายคลายทุกข์
นอกจากนี้ "ทนายเดชา" ยังเผยว่า หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สภาทนายความ เพื่อให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของทนายษิทรา , ทนายเกิดผล , และทนายรณรงค์
ส่วนเรื่องคำให้การของ "ผกก.โจ้" เมื่อคืนนั้น ส่วนตัวมองว่า น่าจะมีทนายความให้คำปรึกษามาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ต้องหา ซึ่ง "ผกก.โจ้" ได้ชี้แจงว่าทำตามหน้าที่ ไม่ได้รีดทรัพย์ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ไม่ได้ตั้งใจทำให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต พร้อมนำส่งที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ ซึ่งมองว่าจะส่งผลต่อรูปคดีอย่างมาก เพราะคำให้การ และคำชี้แจงต่อสื่อมวลชน สวนทางกับข้อมูลของผู้ร้องเรียนที่ส่งคลิปหลักฐานมาให้ตนครั้งแรก