ประเด็นร้อนในวงการทนายความหลังมีการออกมากล่าวหากันระหว่าง “ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด” และ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ทนายความชื่อดังที่ออกมาแฉกันว่ามีการเรียกเก็บค่าคลิป “ผู้กำกับโจ้ ที่ทำการรีดไถผู้ค้ายาเสพติด โดยเอาถุงคลุมศีรษะจนเสียชีวิต เป็นจำนวนเงินถึง 20 ล้านบาท
โดยล่าสุด (25 ส.ค. 64) นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความคนดัง ได้กล่าวกรณีนี้ด้วย โดยกล่าวถึงการโพสต์คลิปดังพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผกก.โจ้) ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" ที่ทำการรีดไถผู้ค้ายาเสพติด ที่เอาถุงคลุมศีรษะจนเสียชีวิต ว่าถ้าตนเองเป็นผู้ได้รับคลิปดังกล่าวมาก็จะรีบเผยแพร่ทันที เพราะการไม่เผยแพร่เท่ากับเราปกป้องคนผิด คนชั่ว เป็นการทำลายความยุติธรรม การปิดบังไว้ทั้งๆที่รู้เท่ากับช่วยเหลือผู้กระทำผิดทางอ้อม
“ถ้าสมมุติทนายเดชาบอกว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มีคลิป ถ้ามีทำไมไม่จับตั้งแต่แรก มันทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยลำบากที่ส่งคลิปมากัลวลใจ ไม่กล้าส่งให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เพราะกลัวจะช่วยปกป้องกันหรือเปล่า เขาถึงส่งให้ทนายความแต่เขาคาดหวังทนายคนแรก ”
“การเปิดเผยคลิปทำให้นำไปสู่กระบวนการออกหมายจับ การที่ทนายบางคนรับคลิปมาแล้วไม่เปิดเผย เท่ากับส่งเสริมผู้กระทำความผิด ถ้าเปิดเผยป่านนี้ถูกจับไปนานแล้ว”
ส่วนเรื่องจะมีการรีดเงิน 20 ล้านจากคลิป “ผู้กำกับโจ้” หรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะตนก็ฟังมาจากทีม "ทนายตั้ม" มาอีกทีเช่นกัน แต่ยอมรับว่าเคยได้ยินมานานแล้วเรื่องการเรียกรับเงินในวงการทนายความ ซึ่งมีมาตั้งแต่ในอดีตและปัจจุบันเพราะทุกฝ่ายมีทั้งคนดีคนชั่ว กฎหมายก็คือดาบสองคมอยู่ในมือคนชั่วก็คือสิ่งเลวร้ายอยู่ในมือคนดีก็คือดี
นอกจากนี้ทนายเกิดผลมองว่าเรื่องปั่นป่วนในวงการทนายความในขณะนี้เป็นการดิสเครดิตกันระหว่าง "ทนายตั้ม" และ “ทนายคลายทุกข์” ซึ่งมีปัญหาส่วนตัวกันอยู่แล้ว
ทนายนิด้า-ศรันยา หวังสุขเจริญ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวการจะเปิดคลิปหรือไม่ อาจไม่มีผลโดยตรงกับการจับตัว ”ผกก.โจ้” ได้หรือไม่ แต่อยู่ที่กระบวนการยุติธรรมที่อ่อนแรงมากกว่า
"ถ้าคนได้คลิปก่อนแล้วเปิดก่อน ตอนนี้ ผกก.นครสวรรค์อาจจะถูกหมายจับโดยไม่ทันตั้งตัวได้แล้วหลบหนีไปได้ก็ได้นะคะ
การเปิดคลิปนิด้ากลับมองว่าเป็นการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมให้รวดเร็วยิ่งขึ้นได้ จากคำสั่งย้ายมาเป็นคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน แต่ก็นั่นแหละ การนำพยานหลักฐานแบบนี้มาเปิดเผยสู้กับคนใหญ่คนโตต้องใช้ความกล้าหาญด้วย เพราะหลังจากเปิดแล้ว ไม่รู้ภัยอะไรจะมาถึงตัวรึเปล่า เพราะนั่นเป็นการไม่ยอมอ่อนข้อให้กับคนกระทำความผิด แต่แสดงให้เห็นว่ายืนอยู่ข้างความยุติธรรม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
โดยส่วนตัวเป็นคนที่มักไปเปิดเผยพยานหลักฐานอะไรผ่านสื่อโดยไม่จำเป็น ไว้ไปเปิดหน้าศาลเอา ไม่เอาผลโซเชี่ยล แต่เอาผลคดี เว้นแต่ผลโซเชี่ยลเป็นประโยชน์กว่า เล็งเห็นแล้วว่าจะตกอะไรได้มากขึ้นในทางคดีก็จะทำ ซึ่งการเปิดเผยคลิปนี้มีหลายเรื่องที่น่าตกได้ อีกทั้งเมื่อคู่กรณีที่ได้รู้เห็นพยานหลักฐานชิ้นนี้ก่อน ก็คงไม่ทำให้ผลแห่งอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้
การที่ ผกก.นครสวรรค์จะสามารถหลบหนีไปได้ ไม่น่าใช่ผลโดยตรงจากการเปิดคลิป เพราะถ้าคดีนี้ไม่ใช่ ผกก. ตำรวจก็คงไปดักอยู่เต็มหน้าบ้านแล้ว นิด้าเห็นมันว่าเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่อ่อนแรงเอง"